ชายขายผักคนหนึ่ง…….. ทุกวันเขาจะถอนผักในไร่
ล้างแล้วจัดใสตระกร้าหาบไปเร่ ขายตามบ้าน
โดยเขาจะหาบไปตามเส้นทางเดิม คนที่ซื้อล้วน
เป็นขาประจำ ในจำนวนขาประจำมีบ้านเศรษฐี
รวมอยู่ด้วย ทุกวันคนในบ้านเศรษฐีมักจะซื้อผักกับเขา
เศรษฐีและภริยาแอบสังเกตเห็นว่าคนขาย
ผักลักษณะท่าทาง เป็นคนซื่อ จึงคิดจะยกลูกสาวให้
วันหนึ่งคุณนายได้ถามคนขายผักว่า …..
“ที่บ้านนอกจากเธอแล้วยังมีใครอีกบ้าง? ”
“ผมกำพร้าพ่อแม่ ไม่มีพี่น้องอยู่กับคุณอาตงแต่เด็กจนโตครับ”
“เธอยินดีที่จะเป็นลูกเขยบ้านฉันมั๊ย?”
คุณนายถามตรงๆ คนขายผักถูกคุณนายถามอย่างกะทันหัน
ถึงกับนิ่งอึ้ง ในใจคิดว่าตนเป็นลูกกำพร้ายากจน
หาบผักขายไปวันๆ ไหนเลยเศรษฐีจะเอาตน
เป็นลูกเขยหรือว่าฟังผิดไป ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบ
คำถามของคุณนาย
ฝ่ายคุณนายคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในชีวิต
เขาคงต้องกลับไปคิดไตร่ตรองอีกที การไม่ตอบถือ
เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นจึงไม่ได้ถามซ้ำอีก
แต่คนขายผักยังคงคิดถึงคำถามของคุณนายตลอดเวลา
เมื่อกลับถึงบ้าน จึงบอกอาเขาถึงคำถามของคุณนาย
อาเขยกล่าวว่า “หลานเอ๋ย เขาเป็นคนรวย
แกเป็นคนจนไม่คู่ควรกัน ใครเขาจะเอาแกเป็นลูกเขย
เขาคงพูดเล่นกับแกมากกว่า อย่าไปคิดมากเลย”
คนขายผักรู้สึกคำพูดของคุณอามีเหตุผล
จึงไม่กล้าเพ้อฝัน ทุกวันยังคงหาบผักไปเร่ขายตามปกติ
วันหนึ่ง เขาหาบผักมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี คุณนายถามอย่างจริงจังว่า
“วันก่อนฉันถามเธอว่าเธอยินดีจะเป็นลูกเขยบ้านฉันไหม
คิดไตร่ตรองแล้วเป็นยังไง ทำไมไม่เห็นมาบอก”
คนขายผักได้ฟังรู้ว่าคุณนายพูดจริงไม่ได้พูดเล่นจึง
บอกคุณนายถึงคำพูดของอาเขา คุณนายกล่าวว่า
“เรื่องแต่งงานจะพูดเล่นได้อย่างไร เมื่อกลับไปบ้าน
ปรึกษากับอาแล้วอย่าลืมมาให้คำตอบด้วยนะ”
วันต่อมา สองอาหลานได้มาบ้านเศรษฐี อาเขาถามว่า
“หลานผมว่าคุณนายจะให้เขาเป็นลูกเขย เป็นความจริงหรือเปล่าครับ” “เป็นความจริง เราทั้งสองอายุมากแล้วมีแต่ลูกสาวสามคนไม่มีลูกชาย หลานคุณเป็นคนซื่อ เราจึงคิดจะยกลูกสาวคนโตให้เขา”
เศรษฐีกล่าวอย่างจริงใจ
“แต่บ้านเรายากจนไม่มีสินสอดจะให้ทำยังไง”
“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เราต้องการลูกเขยไม่ใช่สินสอด”
แล้วพิธีแต่งงานก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย คนขายผัก
ได้ทั้งภรรยาแสนสวยและทรัพย์สินก้อนโตที่ติด
มากับเจ้าสาว ทำให้เจ้าหนุ่มดีใจมาก
หลังจากแต่งงาน เนื่องจากความเป็นอยู่ไม่ขาดแคลน
และมีพ่อตาแม่ยายคอย ให้ความช่วยเหลือแนะนำ
คนขายผักจึงไม่ต้องหาบผักเร่ขายอีก สามีภรรยา
ต่างรักใคร่กันมาก วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปได้เพียง 3 ปี
ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันภรรยาเกิดล้มป่วยและเสียชีวิตลง
คนขายผักเศร้าโศกเสียใจมาก เศรษฐีก็เสียใจมากเช่นกัน
เจ้าลูกเขยตั้งแต่เมียตายก็เอาแต่ร้องไห้โศกเศร้า
เศรษฐีเห็นก็รู้สึกลูกเขยรักลูกสาวจริง
วันหนึ่งเศรษฐีกล่าวกับภรรยาว่า ถ้าเขาแต่งงานใหม่กับคนอื่น
เราทั้งสองก็จะขาดที่พึ่ง บัดนี้ลูกสาวคนที่สองก็โตเป็นสาวแล้ว
ให้แต่งกับเขาเลยดีไหม ฝ่ายภรรยาเห็นด้วยเช่นกัน
แต่ยังเกรงลูกสาวจะไม่ตกลงจึงเรียกลูกสาวมาถาม
ซึ่งเธอก็ยินดี แล้วเรียกลูกเขยมาถาม ลูกเขยไม่อาจ
ขัดความหวังดีของพ่อตาแม่ยายก็ตกลงคนขาย
ผักแต่งกับลูกสาวคนที่สองของเศรษฐีได้เพียง 3 ปี
ภรรยาคนใหม่ก็ป่วยตายอย่างกะทันหัน ทุกคนในบ้าน
ต่างเศร้าโศกเสียใจ ที่โศกเศร้าที่สุดก็คือลูกเขย
บุตรสาวคนโตและคนที่สองต่างแต่งงานได้เพียง 3 ปี
ก็ตายเหมือนๆ กันอะไรเช่นนี้ หรือว่าชะตาชีวิตลิขิต
เศรษฐีเห็นลูกเขยเศร้าโศกมากรู้สึกเห็นใจ
จึงปรึกษาภรรยาว่าลูกคนเล็กโตเป็นสาวแล้ว
ให้แต่งกับลูกเขยแล้วกัน ภรรยาก็เห็นด้วย
เศรษฐีจึงเรียกลูกสาวและลูกเขยมาถาม
ซึ่งทั้งคู่ต่างยินดีที่จะแต่งงานกัน แต่งงานกันได้ 3 ปี
ลูกสาวคนเล็กก็ถึงแก่กรรมอย่างไร้สาเหตุ
ในวันที่เศรษฐีและลูกเขยกำลังจัดการเรื่องงานศพอยู่
ขณะนั้นมีพระรูปหนึ่งมาบิณฑบาต คุณนายกำลัง
กลุ้มใจก็กล่าวว่า
“เคราะห์ร้ายอย่างนี้ใส่บาตรไร้ประโยชน์ “…
เศรษฐีปลอบใจภรรยาว่า “ลูกสาว 3 คนตายหมด
เหลือแต่เราสองตายาย คงเป็นกรรมเก่า
นิมนต์อาจารย์ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน
ฉันจะไปซื้อกับข้าวมาทำอาหารเจถวายก็เป็นกุศลอย่างหนึ่ง”
ท่านเศรษฐีออกไปครู่หนึ่ง คุณนายเนื่องจากร้องไห้
จนเหนื่อยอ่อนจึงหลับไป ในความฝันได้ยินพระที่
มาบิณฑบาตกล่าวกับนางว่า
“ในอดีตชาติสามีของโยมเป็นคนแจวเรือ
โดยสารข้ามฟาก ส่วนลูกเขยของโยมเป็นพ่อค้าใหญ่
ครั้งหนึ่งเขานำเครื่องเพชรจำนวนมากจะไปเมืองหลวง
โดยได้ว่าจ้างเรือสามีโยมข้ามฟาก คาดไม่ถึงว่า
สามีโยมเห็นทรัพย์เกิดความโลภ พอเรือไปถึงกลางแม่น้ำ
ก็ผลักเขาลงแม่น้ำจมน้ำตาย แล้วยึดเอาทรัพย์สิน
ของเขาไป ลูกสาว 3 คนของโยมตอนนั้น
เป็นผู้โดยสารที่ร่วมมาในเรือลำเดียว กัน
สามีของโยมเกรงว่าพวกเขาอาจไปเปิดเผยความลับ
จึงปิดปากพวกเขาด้วยเงินคนละ 30 ตำลึง
ครั้นสามีของโยมตายแล้ว วิญญาณตกสู่ยมโลก
ยมบาลได้ตัดสินให้เขาตกนรกชั้นที่ 18 เสวยทุกข์
เมื่อครบกำหนดโทษก็ให้เกิดเป็นควายอีก 10 ชาติ
จนมาถึงชาตินี้จึงได้มาเกิดเป็นคนอีกครั้ง
สามีของโยมทรัพย์สมบัติในปัจจุบันล้วนเป็นของลูกเขย
โยมทั้งสิ้น ลูกสาว 3 คนของโยมก็คือผู้โดยสาร
3 คนนั่นในอดีตชาติ เพราะว่ามีความโลภ
ยมบาลจึงปรับให้พวกเขาเป็นภรรยาของเขาคนละ 3 ปี
กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ทำไมยังต้องเสียใจอีก”
คุณนายตื่นขึ้นมา มองดูรอบๆ เมื่อครู่นี้ยัง
เห็นพระนั่งอยู่ในห้องรับแขก แต่บัดนี้ไม่เห็นแล้ว
ครู่ต่อมา เศรษฐีหิ้วตระกร้าผักกลับมา
คุณนายจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดกับสามี
เศรษฐีฟังจนขนลุกขนชัน แม้ว่าไม่มี
หลักฐานพิสูจน์ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์
ต่างๆ ที่ผ่านมา จะไม่เชื่อเลยก็คงไม่ได้
จึงได้ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับลูกเขย
แล้วออกบวชบำเพ็ญธรรม แสวงหาความหลุด
พ้นจากเวียนว่ายตายเกิด.
ขอขอบคุณเพจ ตะเกียงส่องใจ