การดูดไขมันเป็นหนึ่งในวิธีการทำศัลยกรรมที่เปลี่ยนรูปร่างของผู้ที่เข้ารับการทำศัลยกรรมไปได้อย่างชัดเจน เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นการทำศัลยกรรมประเภทที่อยู่กับเราไม่ได้อย่างถาวร ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการดูแลตนเองควบคู่ไปกับการทำศัลยกรรมทั้งก่อนและหลังการทำศัลยกรรมเพื่อให้การศัลยกรรมดูดไขมันนี้เห็นผลอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ดูดไขมันคืออะไร อันตรายหรือไม่
การดูดไขมันเป็นการทำศัลยกรรมประเภทหนึ่งที่ใช้เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับดูดไขมันโดยเฉพาะเพื่อดูดไขมันส่วนเกินเหล่านั้นออกมา ทำให้บริเวณที่ถูกดูดไขมันออกกระชับขึ้น เห็นสรีระต่าง ๆ ของร่างกายมากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้บริเวณที่ศัลยแพทย์นิยมดูดไขมันออกมาก็จะได้แก่ หน้าอก คาง ใบหน้า หน้าท้อง ต้นขา น่อง ท้องแขน เป็นต้น
หากถามถึงว่าการทำศัลยกรรมดูดไขมันส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมหรือไม่ ทางเราก็คงสามารถบอกได้ว่าในปัจจุบันการทำศัลยกรรมดูดไขมันก้าวหน้าขึ้นมากทำให้ความอันตรายที่เกิดจากการดูดไขมันลดน้อยลงไป เพราะสมัยก่อนอาจจะต้องมีการรมยาสลบให้แก่ผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมซึ่งส่งผลเสียมากมายหลากหลายประการ แต่ในปัจจุบันเมื่อการทำศัลยกรรมได้มีการพัฒนาขึ้นจึงทำให้มีการพึ่งยาชาซึ่งอันตรายน้อยกว่าแทน
การดูแลตัวเองก่อนการทำศัลยกรรม
สำหรับการเตรียมตัวก่อนการทำศัลยกรรมดูดไขมัน ก็จะประกอบไปด้วยขั้นตอนสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลตนเอง ดังต่อไปนี้
•งดการรับประทานยากลุ่มที่ทำให้เลือดแข็งตัว เช่น แอสไพริน รวมทั้งวิตามินบำรุงต่าง ๆ ไปจนถึงน้ำมันตับปลา ล่วงหน้าก่อนการเข้ารับการทำศัลยกรรม 2 สัปดาห์
•การโหมลดน้ำหนักไม่ได้ทำให้ดูดไขมันง่ายขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโหมลดน้ำหนักก่อนทำการดูดไขมัน
•งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการทำศัลยกรรม 2 สัปดาห์
•ควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัวและประวัติแพ้ยาชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ศัลยแพทย์ได้วางแผนการใช้ยาและติดตามเฝ้าดูอาการของผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมอย่างใกล้ชิด
•หากมีการใช้ยากลุ่มแอสไพริน และกลุ่มยาที่ทำให้เลือดแข็งตัว ไปจนถึงการทานวิตามินและน้ำมันตับปลา จำเป็นต้องแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบล่วงหน้า เนื่องจากตัวยาบางชนิดส่งผลให้เห็นอย่างเด่นชัดและรวดเร็ว
•หากเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบล่วงหน้า
ขั้นตอนการทำศัลยกรรมดูดไขมัน
หลังจากที่ผ่านช่วงการดูแลตนเองก่อนที่จะเข้ารับการทำศัลยกรรมดูดไขมัน ช่วงต่อไปก็จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ที่จะเริ่มทำศัลยกรรมด้วยขั้นตอนที่พิถีพิถัน ดังนี้
1.ศัลยแพทย์เริ่มใส่ยาชาลงไปใต้ผิวหนัง โดยเจ้ายาชาที่ว่านี้ก็มีส่วนผสมของน้ำเกลือและสารต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้อาการชาอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นและเลือดออกน้อยลง
2.เริ่มทำการละลายไขมันเพื่อเป็นการกระชับผิวก่อน หลังจากนั่นก็จะเริ่มทำการดูดไขมันโดยอุปกรณ์ที่นิยมนำมาใช้ก็จะยกตัวอย่างเช่น LASER, VASER และ Bodytite เป็นต้น
3.ขั้นตอนการดูดไขมันที่เหลือในกรณีที่อาจจะเกิดจากการดูดไขมันในขั้นตอนที่ 2 ซึ่งยังไขมันยังออกไม่หมด
4.ทำการตกแต่ง Highlight ร่างกาย สร้าง Sexy line และคอนทัวร์จุดต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายมีจุดเด่นที่น่ามองมากยิ่งขึ้น
5.Fat equalization
Fat equalization เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ทำเพื่อต้องการให้บริเวณที่ทำการดูดไขมันเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น โดยจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์แบบสั่นที่มีชื่อว่า Microaire PAL กระจายไขมันที่ยังไม่เรียบออกไป กล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการเก็บรายละเอียดที่ค่อนข้างทันสมัยและได้รับความนิยมมากในการทำศัลยกรรมดูดไขมันในปัจจุบัน
การดูแลตนเองหลังจากทำศัลยกรรม
เนื่องจากในปัจจุบันการทำศัลยกรรมดูดไขมันไม่น่ากลัวเหมือนแต่ก่อนที่มีการรมยาสลบและทำให้ผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมต้องพักฟื้นนาน เนื่องจากบาดแผลที่ค่อนข้างใหญ่และทำให้เจ็บปวด รวมทั้งบาดแผลยังอักเสบอยู่บ่อย ๆ แต่ในปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนามากยิ่งขึ้นจึงทำให้จากการรมยาสลบบกลายเป็นการฉีดยาชาและจากบาดแผลใหญ่ ๆ กลายเป็นบาดแผลเล็ก ๆ ที่หายได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมจึงสามารถดูแลคนเองได้ง่าย ๆ หลังการทำศัลยกรรมตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.ทำความสะอาดแผลวันละ 1 ครั้ง
2.ควรพักผ่อนอยู่ตลอด หากเป็นการทำศัลยกรรมดูดไขมันบริเวณขาก็ควรที่จะเดินเลยทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ก้อนเลือดอุดตันที่ขาและเพื่อช่วยระบายของเสียออกจากแผล
3.ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ หากกลัวก็สามารถหาซื้อพลาสเตอร์กันน้ำมาปิดแผลเพื่อป้องกันน้ำเข้าได้
4.ไม่ควรให้แผลโดนแสงแดดเพราะแผลจะดำ
5.ควรใส่ชุดกระชับสัดส่วนอยู่ตลอด ในช่วง 3 วันแรกควรใส่ตลอด 24 ชั่วโมง และในช่วง 1 เดือนให้หลังควรใส่เพียงวันละ 12 ชั่วโมง
6.หากมีแผลอยู่ด้านในบริเวณขาต้องระวังไม่ให้แผลโดนปัสสาวะ ป้องกันการติดเชื้อ
7.งดการออกกำลังกายหรือการทำกิจกรรมหนัก ๆ ที่สร้างภาระให้แก่ร่างกาย
8.งดของเค็ม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงของชนิดอื่น ๆ ที่ส่งผลให้แผลหายช้า
9.ปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด
10.หากมีปัญหาควรโทรหาศัลยแพทย์ทันที
สรุป ก็จบกันไปแล้วกับเรื่องของการทำศัลยกรรมดูดไขมันซึ่งในปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการไปมาก ทำให้กลายเป็นหนึ่งในศัลยกรรมรูปแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นการทำศัลยกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงรูปร่างและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมที่เห็นผลได้ทันทีหลังทำ