ภาพถ่ายจากดาวเทียมเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือกำลังขยายโรงงานหลักที่สามารถเสริมสมรรถนะของยูเรเนียมสำหรับอาวุธนิวเคลียร์ การปรับปรุงโรงงานใหม่อาจบ่งชี้ว่าประเทศมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตอย่างมีนัยสำคัญตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ภาพถ่าย ภาพที่ถ่ายโดยบริษัทถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ Maxar แสดงให้เห็นว่าการก่อสร้างกำลังดำเนินการอยู่ที่โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ยงบยอน ความนิยมของคาสิโนออนไลน์ได้เพิ่มขึ้นจากวิกฤตโระระบาดและปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก 388 ก็เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ใหม่ที่มีคนใช้งานมากที่สุด
เกาหลีเหนือขยายโรงงานผลิตอาวุธนิวเคลียร์
เจฟฟรีย์ เลวิส ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและศาสตราจารย์จากสถาบันการศึกษานานาชาติมิดเดิลเบอรีกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจทำให้เกาหลีเหนือเพิ่มกำลังผลิตวัสดุนิวเคลียร์เกรดอาวุธได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ “การขยายโรงงานครั้งล่าสุดที่ยงบยอนอาจสะท้อนถึงแผนการที่จะเพิ่มการผลิตวัสดุนิวเคลียร์สำหรับการผลิตอาวุธ” เขากล่าวเสริม โดยสังเกตว่าการก่อสร้างที่กำลังดำเนินอยู่นั้นสอดคล้องกับความพยายามครั้งก่อนในการเพิ่มพื้นที่ในโรงงาน ทำให้สามารถติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงได้มากขึ้น ทำให้สามารถผลิตยูเรเนียมได้มากขึ้นทุกปี
“พื้นที่ใหม่นี้มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับใส่เครื่องปั่นแยกอีก 1,000 เครื่อง การเพิ่มเครื่องปั่นเหวี่ยงใหม่ 1,000 เครื่องจะเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานในการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะสูงได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์” ลูอิสกล่าว หากเกาหลีเหนือต้องอัปเกรดประเภทของเครื่องหมุนเหวี่ยงที่ใช้ในโรงงานแห่งนี้ในปัจจุบัน เกาหลีเหนือจะเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานได้อย่างมาก เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทราบถึงกิจกรรมล่าสุดที่โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของยงบยอน และรับทราบว่าการพัฒนาดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแผนการเพิ่มการผลิตยูเรเนียมเกรดอาวุธ ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ และซีไอเอต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
สัญญาณที่ว่าเกาหลีเหนือกำลังเคลื่อนไปสู่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของวัสดุนิวเคลียร์นี้ก็สอดคล้องกับการประเมินของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เกี่ยวกับความมุ่งมั่นของประเทศต่อโครงการอาวุธของตน เช่นเดียวกันกับการทดสอบอาวุธรอบล่าสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกสู่น่านน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี การวิเคราะห์เบื้องต้นยังชี้ให้เห็นว่า เกาหลีเหนือทำการยิงขีปนาวุธในช่วงสุดสัปดาห์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สามคนบอกกับสื่อ หนึ่งวันหลังจากอ้างว่าได้ทำการทดสอบขีปนาวุธล่องเรือพิสัยไกลที่สามารถโจมตีญี่ปุ่นได้
กิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณในพื้นที่ที่มีความผันผวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอยู่แล้ว เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและเรียกร้องให้มีแนวทางทางการทูตในประเด็นนี้อีกครั้ง “เรามีความชัดเจนมากเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการเห็นให้เกิดขึ้น เรายึดมั่นในหลักการที่ว่าการเจรจาจะช่วยให้เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดของเรา และนั่นก็เป็นเพียงการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของคาบสมุทรเกาหลี” ไพรซ์กล่าว
ความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมบางอย่างในสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่เฉย ๆ
หลักฐานที่แสดงว่าเกาหลีเหนือกำลังขยายขนาดของโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่ยงบยอนก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความกังวลรุนแรงขึ้น จากรายงานล่าสุดของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ซึ่งกล่าวว่าประเทศดังกล่าวได้เริ่มสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในพื้นที่เดียวกันแล้ว รายงานระบุว่า สิ่งเหล่านี้เป็นข้อบ่งชี้ครั้งแรกของกิจกรรมที่เกี่ยวกับเครื่องปฏิกรณ์ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 โดยเรียกกิจกรรมนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือว่า “เป็นสาเหตุของความกังวลอย่างร้ายแรง” และการพัฒนาใหม่นี้เป็นสิ่งที่หนักใจอย่างยิ่ง
คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนืออ้างว่าเสนอให้รื้ออาคารยงบยอนเพื่อแลกกับการบรรเทาการคว่ำบาตรระหว่างการเจรจากับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในกรุงฮานอยในปี 2019 อย่างไรก็ตาม การเจรจาบางส่วนล้มเหลวเนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่เต็มใจที่จะทำ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของทรัมป์ต้องการให้ทั้งขีปนาวุธนำวิถีหรือแหล่งนิวเคลียร์อื่น ๆ รวมอยู่ในข้อตกลงด้วย ส่วนจอง อึนปฏิเสธที่จะยอมรับการค้าของยงบยอนเพื่อบรรเทาการคว่ำบาตรน้อยลง จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์เขียนไว้ในบันทึกของเขา แม้ว่าไซต์งานดังกล่าวจะไม่ได้อยู่เฉย ๆ จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้คาดการณ์ไว้กว้าง ๆ ว่ากิจกรรมต่าง ๆ จะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐกล่าวต่อสาธารณชนว่า พวกเขาคาดหวังว่าเกาหลีเหนือจะยังคงเป็นอาวุธแห่งการทำลายล้างในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากผู้นำยังคงมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่ออาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ ด้านผู้นำเกาหลีเหนือเองก็ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนในเดือนมกราคมว่า การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่เบากว่าและเล็กกว่าสำหรับการใช้งานทางยุทธวิธี และการผลักดันให้ผลิตหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่พิเศษเป็นเป้าหมายหลักสองประการของเกาหลีเหนือ ซึ่งการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้อาจทำให้เกาหลีเหนือต้องเพิ่มปริมาณพลูโทเนียมและยูเรเนียมเกรดอาวุธที่พร้อมสำหรับการผลิตอาวุธ
การวิจารณ์แนวทางเกาหลีเหนือของไบเดนอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างสองคู่ต่อสู้ที่คบกันมายาวนานนั้นเย็นชาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งวอชิงตันและเปียงยางต่างก็มุ่งเน้นไปที่การควบคุมการคุกคามของ COVID-19 นับตั้งแต่การระบาดใหญ่ทั่วโลกเมื่อต้นปี 2020 พรมแดนของเกาหลีเหนือถูกปิดตายเพื่อกันไม่ให้ไวรัสเข้ามา แม้ว่าจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการค้ากับจีน ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจของประเทศยากจนนี้ มีรายงานว่าระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านอาหาร นอกจากนี้ การกระทำล่าสุดของเกาหลีเหนือยังกระตุ้นให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลไบเดนต่อเปียงยางจากพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส
ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนได้พยายามติดต่อเกาหลีเหนือหลายครั้งทางอีเมลเพื่อเริ่มการเจรจากับวอชิงตัน เจ้าหน้าที่อาวุโสของเกาหลีใต้ที่มีความรู้โดยตรงเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวกล่าวกับสื่อ เกาหลีเหนือรับทราบการรับอีเมลแล้ว แต่ไม่รู้สึกกดดันให้ตอบกลับเนื่องจากเนื้อหาในอีเมลถูกมองว่าขาดรายละเอียดเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมหรือ ข้อบ่งชี้ร้ายแรงใด ๆ ที่สหรัฐฯ ยินดีที่จะทำตามในสิ่งที่ตกลงกันไว้ที่การประชุมสุดยอดครั้งแรกของทรัมป์และผู้นำที่สิงคโปร์ในเดือนมิถุนายน 2018