ครูบาศรีนวล ญาณสิริ วัดเจริญเมือง
ครูบาศรีนวล ญาณสิริ (พระครูสิริญาณโสภณ) นักบุญแห่งวัดเจริญเมือง (ดอยเต่า) ต.เจริญเมือง อ.พาน จ.เชียงราย
ประวัติครูบาศรีนวล
ครูบาศรีนวล ญาณสิริ เป็นพระเถระที่เจริญด้วยธรรมวินัยรูปหนึ่งของศรัทธาชาวเมืองพาน (ต.เจริญเมือง อ.พาน จ.เชียงราย) และเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีศีลอันงดงาม เต็มเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง ถือสมถะรักสันโดษมักน้อย เป็นศิษย์ผู้เจริญรอยตามครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ผู้เป็นพระอาจารย์โดยแท้ ครูบาศรีนวล เกิดในสุกล “มากุลต๊ะ” เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2449 ตรงกับวันเสาร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย ณ หมู่บ้านทุ่งผึ้ง อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง มีพี่น้องท้องเดียวกัน 7 คน ท่านเป็นคนที่ 3
เมื่อปลายปี พ.ศ.2463 อายุได้ 15 ปี โยมบิดาพาไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา ที่วัดศรีโคมคำ อ.พะเยา จ.เชียงราย (เมื่อก่อน จ.พะเยา เป็น อ.หนึ่งของ จ.เชียงราย) ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากท่านครูบาศรีวิชัยพ้นข้อกล่าวหาที่ต้องการสอบสวนที่กรุงเทพฯ ครูบาศรีนวลเริ่มศึกษาการทำวัตรสวดมนต์แบบพื้นเมือง ศึกษาการทำบุญตักบาตรแบบอย่างท่านครูบาศรีวิชัย ศึกษาพระคาถาพระเจ้า 5 พระองค์ พระคาถากำแพง 7 ชั้น พระคาถาบารมี 30 ทัศน์ ศึกษาการเจริญสมาธิภาวนาพระกรรมฐานทั้งวิปัสสนากรรมฐานและสมถะกรรมฐาน ตลอดจนหลักปฏิบัติธรรมต่างๆ ท่านติดตามครูบาเจ้าศรีวิชัยไปก่อสร้างและปฏิบัติศาสนกิจเกือบทุกแห่งในภาคเหนือ อาทิ สร้างพระวิหารหลวง วัดศรีโคมคำ อ.พะเยา, ไปบูรณะพระวิหารวัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ไปร่วมสร้างและทำบุญฉลองพระธาตุเจดีย์วัดป่าขามหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่, ไปร่วมสร้างถนนและสร้างบันไดนาคขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ไปสร้างพระวิหารวัดสวนดอก อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ไปร่วมสร้างและฉลองบันไดนาค วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นวัดภูมิลำเนาของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย
ปี พ.ศ.2475 มีคณะศรัทธาชาวบ้านป่าก่อ ต.สันกลาง อ.พาน จ.เชียงราย (ปัจจุบันเป็นตำบลเจริญเมือง) ได้พากันไปนิมนต์ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ที่วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ เพื่อให้มาเป็นประธานสร้างวัด แต่ขณะนั้นครูบาเจ้าศรีวิชัยกำลังบูรณะวัดสวนดอกอยู่ จึงมอบหมายให้ครูบากันชนะ และครูบาศรีนวลที่มีฝีมือในการก่อสร้างไปแทน ครูบาศรีนวลได้ติดตามครูบากันชนะไปสร้างวัดสร้างเจดีย์และวิหารมากมายหลายแห่ง อาทิ เจดีย์มะหิลังก๊ะ เจดีย์กู่คำหน่อย สร้างวิหารวัดทรายมูล วิหารและเจดีย์วัดป่าก่อ อ.พาน ต่อมาสร้างวัดดอยเต่า ต.สันกลาง อ.พาน ต่อมาภายหลังท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น”วัดเจริญเมือง” จวบจนปัจจุบัน
ครูบาศรีนวล ได้บรรพชาเป็นสามเณรก่อนอุปสมบทไม่นานนัก ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2476 ณ วัดศรีโคมคำ ต.เวียง อ.พะเยา มีครูบาญาณวิลาส วชิรปัญญา เป็นพระอุปัชฌาย์ ครูบาเถิง วัดหลวงใน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ครูบาอ้าย วัดปูปอ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ญาณสิริ” เมื่อครูบาศรีนวลบรรพชาได้ 1 พรรษา ได้ทราบข่าวว่าท่านครูบาศรีวิชัยสร้างถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ท่านจึงรวบรวมชาวบ้าน รีบเดินทางไปช่วยครูบาเจ้าศรีวิชัยทันทีเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2477 เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ท่านครูบากันชนะก็มาเปลี่ยนให้ครูบาศรีนวลไปช่วยสร้างกุฏิวัดจอมแจ้ง อ.พาน จ.เชียงราย ที่ยังสร้างค้างอยู่จนแล้วเสร็จ จากนั้นครูบาศรีนวลจึงกลับไปติดตามท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย สร้างถาวรวัตถุอื่นๆ อีกหลายแห่ง พร้อมได้ศึกษาหลักปฏิบัติธรรมและกรรมฐานต่างๆ และศึกษาพระคาถาพระเจ้า 5 พระองค์ พระคาถากำแพง 7 ชั้น ยันต์ 4 กับครูบาเจ้าศรีวิชัยจนแตกฉาน และได้กลับไปจำพรรษาที่วัดเจริญเมืองในปี พ.ศ.2480 (ครูบาศรีนวลถือเป็นยันต์ครูซึ่งได้นำมาประทับไว้ในเหรียญและพระผงรุ่นไตรมาส) ในระหว่างที่ครูบาศรีนวลจำพรรษาที่วัดเจริญเมืองนั้น ท่านครูบาศรีวิชัยมาพักอยู่ที่วัดศรีโคมคำ พะเยา ท่านครูบากันชนะและครูบาศรีนวลได้เดินทางไปนมัสการตามประเพณี ครูบาศรีวิชัยได้ทำนายว่าวัดดอยเต่าจะมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ท่านจึงเปลี่ยนชื่อจากวัดดอยเต่าเป็นวัดเจริญเมือง ในปีเดียวกันนี้เอง
หลังจากที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยกลับจากวัดศรีโคมคำ อ.พะเยา ไปจำพรรษาที่วัดจามเทวี อ.เมือง จ.ลำพูน ก็เกิดอาพาธหนักและกลับไปมรณภาพที่วัดบ้านปางบ้านเกิดของท่าน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 ได้มีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่เป็นเวลา 3 ปี จึงอาราธนาไปฌาปนกิจที่วัดจามเทวี ซึ่งครูบาศรีนวลก็ได้ติดตามขบวนแห่ศพจากวัดบ้านปางไปยังวัดจามเทวีด้วย ครั้นเมื่องานประชุมเพลิงศพเสร็จสิ้น ครูบาศรีนวลได้นำเอาอัฐิส่วนหน้าแข้งของครูบาศรีวิชัยกลับไปเก็บไว้ที่วัดเจริญเมืองโดยสร้างอนุสาวรีย์บรรจุไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ด้วย
นอกจากครูบาศรีวิชัยแล้วครูบาศรีนวลยังได้วิชาแขนงต่างๆ อีกหลายอย่างจากศิษย์ผู้พี่ของท่านคือ ครูบาแก้ว วัดศรีโคมคำ อ.พะเยา พร้อมทั้งได้วิชาทำตะกรุดนาคเขาคำกับครูบาปัญญา วัดบ้านต๋อม อ.พะเยา อีกด้วย ซึ่งตะกรุดที่ครูบาศรีนวลได้ทำแจกเมื่อ พ.ศ.2483 นั้นก็ได้ปรากฏความขลังความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านอยู่ยงคงกระพันแคล้วคลาดมาแล้วจนโด่งดังไปทั่ว ครูบาศรีนวลได้เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดเจริญเมือง เมื่อ ปี พ.ศ.2484 สร้างถาวรวัตถุ ตลอดจนโรงเรียนต่างๆ มากมายหลายแห่ง ล้วนแล้วปฏิบัติตามแบบอย่างของครูบาศรีวิชัยทั้งสิ้น มีพุทธศาสนิกชนทั้งใกล้ไกลมากราบไหว้มิขาดสาย แม้กระนั้นครูบาศรีนวลก็มิเคยเปิดเผยให้ผู้ใดทราบมาก่อนว่าท่านเป็นศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย นอกจากศิษย์ที่ใกล้ชิดบาคนเท่านั้นที่ทราบ สำหรับศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับท่าน ที่ครูบาศรีนวลมีความสนิทสนมกันมากที่เคยร่วมงานและร่วมรับศึกษาจากครูบาเจ้าศรีวิชัย เช่น ครูบาแก้ว วัดศรีโคมคำ อ.พะเยา, ครูบาโสภา วัดถวาย อ.หางดง, ครูบาหลา วัดแม่ตืน อ.ลี้, ครูบาขาวปี วัดพระบาทผาหนาม อ.ลี้, ครูบาบุญทึม วัดจามเทวี อ.เมือง ลำพูน, ครูบาหล้า วัดแม่เทย อ.ลี้ ลำพูน, ครูบาตา วัดศรีลังกา อ.เสริมงาม จ.ลำปาง, ครูบาอ้าย อ.เถิน ลำปาง, ครูบาอิ่นแก้ว อ.สันกำแพง เชียงใหม่, ครูบาชัยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน, ครูบาก้อน วัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ อ.แม่พริก จ.ลำปาง นอกนั้นเป็นศิษย์ร่วมพระอาจารย์เดียวกันแต่มิเคยได้ร่วมงานกันก็มี ครูบาคำแสน วัดสวนดอก เชียงใหม่, ครูบาอินทจักรรักษา วัดบ่อน้ำหลวง เชียงใหม่, ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง เชียงใหม่, ครูบาชุม วัดวังมุย ลำพูน และครูบาพรหมจักรสังวร วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง ลำพูน
ครูบาศรีนวลท่านฉันอาหารประเภทมังสวิรัติเพียงมื้อเดียว ตั้งแต่เริ่มบรรพชาเป็นสามเณร ท่านเกิดอาพาธหนักเกี่ยวกับดวงตา แพทย์ลงความเห็นให้ท่านฉันอาคารคาวหวานโดยทั่วไป มิเช่นนั้นดวงตาต้องพิการ ท่านจึงจำใจเลิกฉันอาหารมังสวิรัติ และเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2533 ครูบาศรีนวลก็ได้ล้มป่วยลง ศรัทธาญาติโยมได้นำส่งโรงพยาบาลพาน อ.พาน จ.เชียงราย แพทย์ผู้รักษาเห็นว่าอาการหนักมากจึงแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แต่อาการท่านไม่ดีขึ้นเลย กระทั่งวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2533 เวลา 20.15 น. ครูบาศรีนวลก็ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ คณะศรัทธาเหล่าลูกศิษย์ได้นำเอาศพมาตั้งไว้ที่วัดเจริญเมือง และได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2534 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจและอาลัยต่อการจากไปของครูบาศรีนวล ผู้ได้ชื่อว่า “เทพเจ้าแห่งวัดเจริญเมือง” ยังคงเป็นอมตะอยู่ในจิตใจของชาวเจริญเมืองตลอดกาล