แอมป์รถยนต์ แต่ละ Class ต่างกันอย่างไร
เรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์เครื่องเสียงรถยนต์ ที่มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ นั่นก็คือแอมป์ เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ช่วยเพิ่มความดังของเสียง และทำให้น้ำเสียงของดนตรีเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ซึ่งก็ต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนซื้อมาใช้ เรามาดูว่าแอมป์แต่ละ Class แตกต่างกันอย่างไร
1. Class A พาวเวอร์แอมป์ชนิดนี้เน้นในเรื่องของคุณภาพเสียง ค่าความเพี้ยนตํ่า และเสียงรบกวนน้อย แต่มีข้อเสียในเรื่องของความร้อนที่ค่อนข้างจะสูงเพร าะมีการป้อนกระแสไฟให้ทรานซิสเตอร์อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาก็ตาม และกำลังขับที่ได้นั้นก็ค่อนข้างจะน้อย แอมป์ประเภทนี้จึงเหมาะกับนักฟังที่เน้นรายละเอียดของเสียงกลาง-แหลม ไม่เน้นอัดตูมตาม เป็นที่เอาเล่นแบบที่ว่าจะฟังเสียงใสๆๆๆนะครับ วัตต์จะไม่ค่อยแรงเท่าไร ราคา เอาเรื่องเหมือนกัน
2. Class B เป็นการใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว ทำงานแบบ Push-Pull หรือ ผลัก ดัน ช่วยกันทำงานคนละครึ่งทาง และจะไม่มีการป้อนกระแสไฟล่วงหน้า ซึ่งมีข้อดีคือเครื่องไม่ร้อน แต่ข้อเสียกลับมากกว่าเพราะความผิดเพี้ยนสูงมาก เสียงจึงไม่มีคุณภาพ แต่ในปัจจุบันแอมป์ คลาสนี้คงจะไม่มีแล้ว
3. Class AB เป็นการรวมตัวกันของแอมป์ทั้ง 2คลาสที่กล่าวมา คือใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว แต่จะมีการป้อนกระแสไฟปริมาณตํ่าๆเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ ตลอดแต่จะไม่มากเท่าคลาส A และการจัดวงจรก็ใช้แบบ Push-Pull เหมือนคลาส B จึงทำให้พาวเวอร์แอมป์ประเภทนี้มีคุณภาพเสียงที่ค่อน ข้างดี ถึงแม้จะไม่เท่าคลาส A แต่ได้เปรียบในเรื่องของกำลังขับที่มากกว่า และเกิดความร้อนน้อยกว่า และคลาส AB นี้แหละเป็นแอมป์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และสามารถนำไปขับได้ทั้งลำโพงกลาง-แหลม หรือแม้แต่ซับวูเฟอร์ก็ได้
4. Class D เป็นพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูง เน้นหนักในเรื่องพละกำลังเพียงอย่างเดียว แอมป์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับขับซับโดยเฉพาะ เหมาะกับพวกที่ชอบฟังเพลงหนักๆ เน้นพลังเบส กระแทกแรงๆ แบบนี้เป็นแอมป์ที่เรา นิยมมาขับซัพ กันเพราะมีวัตต์สูง
5. CLASS H คือการนำเอาข้อดีในด้านประสิทธิภาพของแอมป์คลาสดี แต่ให้คุณภาพได้ดีเหมือนแอมป์คลาสเอบี แอมป์คลาสเอซนี้มีรูปแบบวงจรที่สลับซับซ้อนพอสมควรเรียกได้ว่าเป็น แอมป์ที่ให้วัตต์สูงในแบบคลาสดี แต่ให้เสียงเหมือนคลาสเอบีและมีราคาแพง CLASS H จะแสดงความสามารถได้เด่นชัด เมื่อเล่นกับโหลดต่ำๆ เช่น 2 โอห์ม หรือ 1 โอห์ม ปัจจุบันถือเป็นความก้าวหน้าที่สุดของแอมป์ประเภทกำลังขับสูง และแบบนี้ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไรในตอนนี้ เพราะการจัดวงจรที่ยุ่งยากซับซ้อน
6.CLASS T คือคือการนำเอาข้อดีในด้านประสิทธิภาพของแอมป์คลาสดี กับ คลาส เอบี มารวมกันเพือให้ได้เสียงดี และมีวัตต์ที่สูงขึ้น การจัดวงจรจะใกล้เคียงกับ คลาส h มาก แต่จะมีการกินกระแสมากว่าครับ
คำว่า Mono ไม่เกี่ยวกับ Class แต่ หมายถึง Amp 1 ch
นอกจากจะดูที่ Class แล้ว เราควรเลือกเพาเวอร์แอมป์จาก กำลังขับ Watts, จำนวน Channel และส่วนประกอบอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
Leave a Reply