เรื่องย่อละครอกธรณี

เสียงกลองโพนเร้าใจแว่วนำมา แล้วสักครู่จึงมีเสียงตะโกนบอกต่อๆ กันว่า “นมพระมาแล้ว…. นมพระมาแล้ว….” ผู้คนมากมายที่มุงแน่นอยู่ตลอดแนวถนนราชดำเนิน ต่างไหวตัวคึกคัก จากนั้นขบวนชักพระอันเป็นประเพณีสำคัญประเพณีหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ปรากฏแก่สายตา ทุกขบวนมุ่งสู่สนามหน้าเมือง แต่ละขบวนตกแต่งประชันกันอย่างสุดฝีมือ

รถ 3 ล้อถีบคันหนึ่งกำลังผ่านโบสถ์พราหมณ์และหอพระอิศวร มาถึงตลาดท่าม้าและเบรกหยุดลงทันใดตามคำสั่งของผู้โดยสาร ผู้โดยสารคนนั้นลงจากรถ และเราจะเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อมาก ร่างสูงล่ำสันสง่าผึ่งผาย บ่งบอกความเป็นชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้ว การแต่งกายบอกชัดว่าเขามาจากเมืองหลวง ชายหนุ่มเดินไปดูขบวนชักพระร่วมกับคนอื่นที่ริมถนน นมพระขบวนหนึ่งที่เข้ามาใกล้มีสาวสวยแต่หน้าทะเล้นรำนำหัวขบวนลอยหน้าลอยตาเฉิบๆ เธอรำไปด้วยต่อปากต่อคำแหย่ น้าแม้น (ประสาท ทองอร่าม) ชายผู้สูงวัยกว่าซึ่งทำหน้าที่ตีกลองโพนในขบวน แม้นเรียกนังสาวหน้าทะเล้นว่า กำไล (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) และฉับพลันที่กำไล เห็นชายหนุ่มชาวกรุง เธอทิ้งขบวนโลดแล่นมาหาเขาทันใดด้วยความดีใจเหลือแสน กำไลเรียกเขาว่าพี่ ลอย (เขตต์ ฐานทัพ) ความดีใจทำให้กำไล พูดจนแทบไม่หายใจและแทบไม่เว้นช่องว่างให้ชายหนุ่มได้พูดเลย ลอยถามถึง สารภี (อธิชนัน ศรีเสวก) กำไลบอกว่า สารภีไปทำบุญที่วัดพระมหาธาตุกับแม่ เมื่อลอยจะไปวัด กำไลขอตามไปด้วย เธอบอกว่ารับรองว่าเธอจะไม่ไปขัดคอลอยกับสารภี และเมื่อกำไลบอกว่า ลอยมาได้เวลาดอกนุ่นบานพอดี คำพูดนั้นดึงให้ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ลอย คืนดอกนุ่นบานมีความหมายกับเขายิ่งนัก

เขาคือ ลอย บุญลือ เด็กชายผู้เมื่อจำความได้ก็เห็นแต่ว่าเขาอยู่กับ ย่าจันทร์ (เมตตา รุ่งรัตน์) ที่บ้านท้ายตรอกตึกดิน เขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ ย่าบอกว่าเขาเป็นลูกตะเข้ที่ลอยน้ำมาจากคลองหน้าเมือง แล้วย่าไปพบจึงเก็บมาเลี้ยง ย่าทำขนมตาลขาย และลอยคือ ลูกมือจอมขี้เกียจคนเดียวของย่า รวมไปถึงช่วยย่าขายขนมด้วย…