ขุนกระทิง
ขุนกระทิง ผู้กองมหาชาติ (ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) นายตำรวจหนุ่มไฟแรงที่มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ ฉายา “ไอ้กระทิงไฟ” แต่ความใจร้อนที่จะปราบปรามแก๊งค้าอาวุธสงครามของเมฆิน (โอริเวอร์ บีเวอร์) มาเฟียใหญ่ชาวต่างชาติ ทำให้เขาทำงานผิดพลาด และต้องสูญเสียดุจดาว (เอมี่ กลิ่นประทุม) ตำรวจสาวคนรักไป แถมตัวเองยังต้องถูกพักงานอีก มหาชาติยังแค้นฝังใจและสัญญากับตัวเองว่าจะตามล่าแก๊งเมฆินให้ได้ เมื่อมหาชาติพ้นสภาพจากการโดนพักงาน เขาก็กลับมาลุยงานเต็มที่ โดยเริ่มจากสามแก๊งใหญ่ของไทยเพื่อสาวไปถึงตัวการใหญ่อย่างเมฆินที่พวกมันติดต่อทำการค้าด้วย โดยมีวิญญู (ธนา สุทธิกมล) นักธุรกิจหนุ่มเพื่อนรักคอยช่วยเหลือ เพราะวิญญูศึกษาธรรมะและนั่งวิปัสสนาอย่างจริงจัง จนสามารถมองเห็นอดีตชาติและอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ แม้มหาชาติจะยังไม่เชื่อ แต่ก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณวิญญูที่สามารถไปช่วยเขาไว้ได้ทุกครั้ง และการที่ต้องแวะเวียนมาหาวิญญูบ่อยๆ ทำให้เขาได้รู้จักและสนิทสนมกับขวัญตา (พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) เลขาสาวผู้คล่องแคล่วของวิญญู ทำให้โลกของมหาชาติสดใสขึ้นอีกครั้ง…
รักเร่
รักเร่ วายูน (เขมนิจ จามิกรณ์) นักศึกษาสาวไทยวัย 20 ปี ที่มาเรียนวิชาแปลภาษาและล่ามอยู่ ณ มหาวิทยาลัยเวียนนา ประเทศออสเตรียนั้น ความฝันอันสูงสุดของเธอ คือ การได้ทำงานเป็นล่ามในองค์การสหประชาชาติ แต่ความฝันของเธอนั้นก็ใช่ว่าจะกลายเป็นจริงได้ง่ายๆ เพราะนอกจากความยากของศาสตร์ที่เธอเลือกเรียนแล้ว เธอก็ยังต้องอดทนต่อการเป็นอยู่ที่แร้นแค้นอีกด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะวายูนนั้นเป็นเด็กกำพร้า เติบโตขึ้นมาได้จากการเลี้ยงดูของ ตาผิน (สรพงศ์ ชาตรี) อาภักดิ์ (ทูน หิรัญทรัพย์) และ อาพร้อมจิต (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ) ซึ่งช่วยกันเลี้ยงเธอ ภายหลังที่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอเสียชีวิต เพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปพร้อมกัน และด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่สู้จะดีนักนี้ ทำให้ชีวิตของวายูนในต่างประเทศค่อนข้างอัตคัดขัดสนเป็นอย่างยิ่ง…
มรสุมสวาท
มรสุมสวาท “สูตรสำเร็จของความรักสุดเข้มข้นสไตล์ตบจูบ ระหว่างลูกสาวเศรษฐีตกยากและมหาเศรษฐีเพลย์บอยหนุ่มใหญ่ ที่ถูกแทรกกลางด้วยหนุ่มน้อยอารมณ์อาร์ติสท์กับนักประชาสัมพันธ์สาว ชีวิตของคนทั้ง 4 ต้องต่อสู้กับมรสุมชีวิตไปพร้อมๆ กับมรสุมความรักในใจที่ตนเองต่างก่อขึ้นจนกลายเป็นพายุร้ายที่ยากจะดับ” กุมาริกา อิสรเสวี (ทัศนียา การสมนุช) หรือกวางเด็กสาวสดใส วัย 17 ปี เป็นธิดาคนรองของ นายบุรุษ (ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์) อดีตข้าราชการระดับสูง ซึ่งหันไปจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กวางมีพี่น้องทั้ง 5 คน อันได้แก่ วรเทวี (กัญญารัตน์ พงษ์กัมปนาท) พี่สาวคนโต ที่เกิดจากภรรยาเอกที่เสียชีวิตไปเช่นเดียวกับกวาง มานพ (ปวรพัฒน์ จารุศักดิ์วีรกุล) น้องชายคนรองที่เกิดจากภรรยาเก็บซึ่งเลิกรากันไปแล้วของนายบุรุษ…
เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก
เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก อริระหว่างพ่อต่อพ่อ ผู้มากบารมีประจำถิ่นทั้งคู่ มิอาจทำลายมิตรภาพอันงอกงามของลูกสาวบ้านนี้กับลูกชายบ้านโน้นได้ และเมื่อลูกสาวบ้านนี้ต้องไปเป็นสะใภ้เล็กของบ้านโน้น ลูกชายบ้านโน้นต้องมาเป็นเขยบ้านนี้ แถมหลานชายบ้านโน้นกำลังจะมาเป็นเขยใหญ่บ้านนี้อีกด้วย อภิมหาสงครามของท้องถิ่นนี้จึงไม่เกินคาดหมาย วุ่นวายชุลมุน และสุดแสนพัลวัน กับความรักความแค้นที่วุ่นวายสับสน ของครอบครัวทั้งสอง พร้อมหางเครื่องอีกเป็นโขยง ความแค้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความรัก และสมานฉันท์กันระหว่างครอบครัวได้หรือไม่ต้องใช้อะไรถึงจะทำให้ความแค้นของสองบ้านเบาบางจนจางหายไปได้ วิศวาไม่อยากอยู่ทำงานในออฟฟิศที่กรุงเทพฯอีกแล้ว เลยขอย้ายไปอยู่สาขาจังหวัดที่มีบ้านของ ลุงวงศ์ พี่ชายของแม่อยู่ที่นั่น ตอนเด็กๆช่วงปิดซัมเมอร์นางศรีวรรณเคยส่งเขาไปอยู่บ้านลุง ก่อนจะเปลี่ยนใจไม่ยอมส่งเขาไปอีกเลย เพราะกลัวว่าพี่ชายจะทำให้วิศวาแสบเหมือนวันเผด็จ นางมองว่าพี่ชายเลี้ยงลูกให้เป็นนักเลง นายวงศ์จึงเป็นฝ่ายส่งวันเผด็จมาที่บ้านเขาในกรุงเทพฯแทน วันเผด็จก็รู้ว่าอาสาวไม่ชอบหน้าเขาเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนเขาจะยิ่งแกล้งนางสนุกไปเท่านั้นเอง รถเสียอีกแล้ว....รุ้งไหม ไม่มีความรู้เกี่ยวกับรถมากไปกว่าการขับ อีกประมาณสามสิบกิโลจะเข้าตัวเมือง รถโดยสารนานๆจะผ่านมาสักคัน โทรศัพท์ก็แบตฯหมด คงต้องอาศัยรอโบกรถที่ผ่านมาเท่านั้น ข่าวดีของพ่อทำให้ใยบัวยินดี ก็เธอเป็นลูกพ่อคนหนึ่งนี่นา…
รักล้นดอย
รักล้นดอย เมื่อสาวบ้านป่าเข้าเมืองเพื่อตามหาพี่ชาย แต่โชคชะตาดันทำให้เธอต้องพบกับหนุ่มเมืองจอมแสบ เรื่องนี้เลยไม่รู้ว่าสาวบ้านป่ากับหนุ่มเมืองกรุงใครจะแสบแบบพริกกะเหรี่ยงกว่ากัน !!! ที่ชายแดนระหว่างเชียงราย – พม่า เสียงผู้คนร้องเอะอะโวยวายจนสัตว์ป่าต่างๆ ที่อยู่ในป่าใหญ่บนยอดดอยต่างแตกฮือหนีตายกันโกลาหล ไม่ใช่เพราะเกิดสงครามระหว่างไทยพม่าอะไรหรอก แต่เสียงที่เอะอะโวยวายนั่นคือเสียงของ ดาวน้อย...เจ้าหญิงแห่งเผ่าซอเลี๊ยะ กำลังระดมปาอุจจาระเป็ดภูเขาใส่ กษิดิน...ผู้บริหารหนุ่มวัย 27 เจ้าของ บริษัท วันเดอร์แลนด์ ออร์กาไนซ์ จำกัด บริษัทที่ผลิตสื่อเพื่อความบันเทิง ชื่อบริษัทฟังแล้วอาจจะดูเหมือนเป็นองค์กรใหญ่โต แต่ที่จริงแล้วบริษัทของกษิดินเป็นบริษัทขนาดเล็กมากถึงเล็กที่สุด เพราะมีพนักงานเพียงสองคนคือตัวเขากับ ยอดชาย เท่านั้น ภายใต้สโลแกนที่ดูดีเกินกว่าบริษัทก็คือ “ความสุขของคุณ ความสุขของเรา” กษิดินกำลังจะได้รับงานใหญ่ที่ทำให้เขาลืมตาอ้าปากได้ ด้วยความที่กษิดินอยากได้งานชิ้นนี้มากจึงยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งคนบอกให้ขึ้นมาไหว้พระธาตุประจำปีเกิด กษิดินก็ต้องมา แถมด้วยความคิดของยอดชายที่บอกให้ทำบุญกับชาวเขาก็น่าจะดี…
ข้ามากับพระ
ข้ามากับพระ ศักดิ์ ประกาศิต นักเลงพเนจรจอมกะล่อน ใช้ชีวิตเดินทางไปเรื่อยๆ เขาผ่านมาที่บ่อนแล้วเข้าไปเล่นพนันแล้วถูกหาว่าเป็นสายตำรวจจึงถูกรุมกระทืบ ศักดิ์วิ่งหนีมาได้ แล้วมาพบกับหลวงพ่อเสือที่เดินธุดงค์จะข้ามฝั่งชายแดน ศักดิ์คิดว่าหลวงพ่อเสือ มีวาจาสิทธิ์ และมีอาคมคงกะพัน เช่นศักดิ์เห็นว่าหลวงพ่อเสือพูดว่าเดี๋ยวรถเมล์ที่ไม่ยอมจอดรับก็ต้องจอด ..ซึ่งต่อมาศักดิ์ก็เห็นว่ามันจอดจริงๆ แต่ตามนัยของหลวงพ่อเสือหมายถึงรถมันวิ่งตลอดไปไม่ได้หรอก หรืออย่างเช่นศักดิ์กำลังถูกชาวบ้านรุมประชาฑัณท์ หลวงพ่อเสือเสกใบมะขามเป็นต่อมาใส่ชาวบ้านได้ ที่จริงหลวงพ่อเสือปาหินเข้าใส่รังต่อให้แตกฮือมากกว่า ศักดิ์จึงขอตามหลวงพ่อเสือไปชายแดนด้วย เพราะอยากได้วิชาอาคม แก้วตา ลูกเสี่ยกิจ ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอ เสี่ยกิจมีทั้งโรงไม้โรงเลื่อย สัมปทานป้าไม้ เหมืองแร่ และสถานบันเทิง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนผิดกฎหมายทั้งสิ้น ทั้งนี้เสี่ยกิจได้รับการสนับสนุนและแบ่งผลประโยชน์กับ สส.เกริก ผู้แทนประจำถิ่นนี้ แก้วตาเลือกเป็นครูสอนนักเรียนประชาบาลในอำเภอ มากกกว่าที่จะสืบทอดกิจการของเสี่ยกิจ แก้วตามีสาวรับใช้ประจำตัวชื่อ มะขิ่นเป็นชาวพม่า วันหนึ่งเสือไพร…