แม่สีดา หาทางปลดหนี้ เงินติดตัว 10 บาท
กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง หลังผ่านคลื่นลมมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ สำหรับ “แม่สีดา” หรือ “ปริยพิชญ์ พัวพิมล” แม่ของดาราผู้ล่วงลับ “อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล” ที่ประสบปัญหาเป็นหนี้ท่วมหัว เสียศูนย์เพราะขาดเสาหลักอย่างลูกชายไป จนแทบไม่มีที่ซุกหัวนอน ที่เจ้าตัวเคยเปรียบว่าเป็นดั่ง ‘คำสาปให้จมมิดธรณี’
กระทั่งเมื่อปี 2556 ศาลได้ยกฟ้องคดีฉ้อโกงที่ไปพัวพันกับดารา “โก้ ธีรศักดิ์” เวลาผ่านมาเป็นปี แม่สีดา ยังคงหาลู่ทางพิสูจน์ว่า ไม่ได้โกงใคร แม้ตอนนี้ยังชีวิตยังสูญเปล่า ไม่มีงานทำ เงินไม่พอใช้ แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะปลดหนี้ให้กับตัวเอง…
“คดีจบเสร็จสิ้นหมดแล้วทั้ง 3 ศาล วันนี้รู้สึกสบายใจมากที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเราไม่ได้ฉ้อโกงใครหลอกลวงใคร หลังจากที่เสียเวลามาหลายปี”
“ชีวิตตอนนี้ไม่มีงานไม่มีอะไรให้ทำ แต่แม่ก็ยังใช้ชีวิตปกตินะเรียบง่าย เงินมีไม่พอใช้ก็ต้องพอเราต้องอยู่ให้ได้ ส่วนลูกก็ส่งมาให้บ้างนิดหน่อย เพราะตัวเขาไม่ได้ทำงานอะไรเขาเป็นแม่บ้านมีสามีเขาดูแล แม่ก็เลยเกรงใจเขา”
“อีกอย่างช่วงที่แม่หมุนเงินผิดแม่ก็ทำให้เขาเดือดร้อนเหมือนกันมันเลยยิ่งทำให้แม่รู้สึกผิด ดังนั้นการที่เขาให้นิด ๆ หน่อย ๆ แม่ก็ดีใจแล้ว เท่าไหร่ก็เท่านั้น (ยิ้ม) ถามว่าลำบากไหมมันก็ลำบากกว่าที่เป็นอยู่เพราะแม่ไม่มีงานไม่มีรายได้เข้ามาเลย (น้ำตาคลอ)”
“สำหรับการเป็นอยู่ของแม่ตอนนี้แม่อยู่คนเดียว ไม่กล้าไปรบกวนใครที่ไหนไม่อยากให้เขาต้องลำบากเพราะแม่ ที่สำคัญแม่มองหน้าใครเขาไม่ติดด้วย ส่วนบ้านที่อยู่ตอนนี้แม่ก็ไปขออาศัยเขาอยู่ แม่ไม่มีเงินไหนไปเช่าบ้านเขาหรอก เพราะบ้านหลังเดิมของแม่ตอนนี้ก็ถูกยึดไปแล้ว ล่าสุดตอนที่คนมาเจอแม่แม่ก็มีเงินเหลือติดตัวอยู่แค่ 10 บาท”
“สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นแม่รู้ดีว่าแม่โทษใครไม่ได้นอกจากตัวแม่เองที่ตอนนั้นแม่คิดผิดกู้เงินนอกระบบมาหมุนไปมาจนสุดท้ายมันกลายเป็นดินพอกหางหมู ซึ่งจนถึงตอนนี้หนี้ก้อนนั้นก็ยังอยู่ ถามว่าเยอะไหมก็มันเยอะสำหรับแม่ในตอนนี้ (ร้องไห้) แม่อยากหมดหนี้ แม่ไม่อยากเป็นหนี้ใคร แม่ไม่อยากทำบาป”
“ที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเพื่อนในวงการคนไหนเลย หรือจะให้วิ่งไปของานเขามันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารถ อีกอย่างแม่กลัวจะไปรบกวนเขาด้วย กลัวไปแล้วจะทำให้เขาลำบาก”
“แต่ถึงอย่างนั้นล่าสุดก็ยังมีน้อง หนุ่ม กรรชัย , หนิง ปณิตา , ก้อง ปิยะ และก็ผู้ใหญ่ทางอาร์เอส ที่ใจดีมาเชิญแม่ออกรายการ แต่แม่ไม่อยากไปรบกวนเขามากเพราะเดี๋ยวจะทำให้เขาลำบาก แม่ไม่อยากให้เขามองว่าแม่รบกวนเขามาก”
“แม่ไม่อยากโทษใคร แม่ไม่อยากโทษโชคชะตา เพราะเราเลือกทำด้วยตัวเราเอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดมันก็ช่วยเตือนแม่ให้รู้จักเข็ด รู้จักจำ และจำไม่ทำมันอีก”
“สิ่งสำคัญในชีวิตของแม่ตอนนี้ที่แม่คิดอย่างเดียวคืออยากหมดนี้ แต่โชคดีที่ช่วงหลังมานี้เขาอาจจะเมตตาหยุดทวงแม่แล้ว ซึ่งแม่ก็อยากให้เขารู้ไว้นะคะว่าสมองแม่ไม่เคยหยุด แม่ยังคิดเสมอว่าจะหาเงินใช้หนี้ให้ได้”
“อาการเจ็บป่วยมันก็ต้องมีบ้างเพราะอายุแม่ก็เยอะแล้ว เวลาอยู่คนเดียวมันก็จะคิดไปเรื่อยจนปวดหัว ความดันแม่ก็เป็น คือเวลาแม่อยู่คนเดียวแม่จะรู้สึกโดดเดี่ยวมาก เพราะเมื่อก่อนเรามีคนอยู่ข้างกายเยอะแยะแต่ทุกวันนี้ไม่เหลือใครเลยสักคน”
“เวลาเครียดสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของแม่ตอนนี้ก็คือหัวใจและสมอง เพื่อนสนิทคนเดียวของแม่ก็คือน้ำตา (น้ำตาซึม) แม่ร้องไห้ทุกวัน แม่อยากหมดหนี้อยากใช้หนี้ให้เขา แต่แม่เชื่อว่าคงไม่นานหรอกค่ะ ผู้หญิงอย่างเราไม่เคยท้อถอยอยู่แล้ว”
“สำหรับงานในวงการถ้าหากจะมีเข้ามาแม่ก็ยินดีที่จะรับโอกาสนั้น แต่แม่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้รับโอกาสนั้นหรือเปล่า ส่วนงานนอกวงการที่แม่คิดไว้ว่าแม่อยากทำก็คือทำอาหาร เมื่อก่อนแม่เคยเปิดร้านอาหารนะ แต่ว่าตอนนี้ปิดไปแล้ว ถ้าหากใครรับแม่บ้านก็ติดต่อแม่ได้นะ แม่พูดจริง ๆ”
“ที่ผ่านมาในชีวิตแม่เวลาเจอหรือประสบปัญหาอะไรต่าง ๆ แม่ไม่เคยแจ้งนักข่าวเลยนะไม่เคยบอกนักข่าว แต่เอาจริง ๆ ตัวแม่เองก็รู้เสียใจเหมือนกันนะ ที่วันที่แม่ชนะคดีไม่มีนักข่าวมาเลย”
“ขณะที่วันขึ้นศาลวันแรกนักข่าวมากันเต็ม (ยิ้ม) ยังไงก็แม่ต้องขอบคุณมากนะคะที่น้อง ๆ ทุกคนที่ทำให้แม่ได้มีโอกาสโชว์ตราบาป วันนี้แม่ก็สบายใจขึ้นแล้วนะคะในระดับหนึ่ง ขอบคุณมากนะคะที่ไม่ทิ้งขว้างกัน”
ขอขอบคุณข่าวจาก