รักสุดจิ้น ฟินสุโค่ย ถูกโกงเงินค่าตัวยกทีม
สืบเนื่องจากกรณีนักร้องหนุ่มแดนปลาดิบ “มาโกโตะ โคชินากะ” โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คส่วนตัว เปิดฉากแฉบริษัทภาพยนตร์ ฟินโปรเจคท์ เหตุยังไม่ได้รับค่าเงินตัวหลังร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง “รักสุดจิ้น ฟินสุโค่ย” เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นประเด็นดราม่ารสแซ่บของภาพลักษณ์อุตสาหกรรมหนังไทย!!
ซึ่งล่าสุดทางรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางช่อง 2 ก็ได้ถือโอกาสเชิญ ผู้กำกับของเรื่องอย่าง “กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์” เจ้าของตำแหน่งนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์แห่งประเทศไทย และหนึ่งในนักแสดงสมทบของเรื่อง “บี๋ สวิช เพชรวิเศษศิริ” ออกมาชี้แจงถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทั้งคู่ก็ได้เปิดเผยข้อมูลให้เราฟังแบบจัดเต็มทุกรายละเอียดว่า…
อยากให้ชี้แจงเรื่องที่บอกว่าเราสองคนถูกโกง ?
กอล์ฟ – “เอ่อ…ก่อนอื่นกอล์ฟต้องเล่าให้ฟังก่อนนะคะว่าจริงๆ แล้วนายทุนที่ทำภาพยนตร์เรื่อง “รักสุดจิ้นฟินสุโค่ย” มีกันอยู่ 3 คน ซึ่งระหว่างถ่ายทำมันก็มีมักจะมีปัญหาเรื่องเงินติดๆ ขัดๆ มาตลอด และหนึ่งในนั้นคือการที่เราต้องประกาศยกกอง แต่สุดท้ายแล้วเราก็ถ่ายหนังจนจบ เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ยกกองครั้งนั้นมันมีนายทุนคนหนึ่งซึ่งกอล์ฟจะแทนชื่อเขาว่า “หุ้นส่วนคนที่ 1″ เขาไปบอกกับหุ้นส่วนคนอื่นๆ ว่า “การยกกองมันมีค่าเสียหายและกอล์ฟได้ขอเงิน 500,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการถ่ายทำต่อ” จนกระทั่งภาพยนตร์ปิดกล้อง”
“หุ้นส่วนคนที่ 2 และ 3 เขาก็มาถามกอล์ฟว่า “กอล์ฟได้เบิกเงินค่ายกกองไปจริงหรือเปล่า ?” ซึ่งตอนนั้นกอล์ฟงงมาก เพราะกอล์ฟไม่เคยเรียกร้องค่าเสียหายอะไรเลย จนสุดท้ายเรื่องมันแดงว่าจริงๆ แล้ว หุ้นส่วนคนที่ 1 เขาเอาชื่อกอล์ฟไปอ้างและเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้องในกลุ่มนายทุนด้วยกันเอง โดยในส่วนของค่าตัวและค่าโปรดักชั่นต่างๆ ของกอล์ฟที่สมควรได้รับเป็นเงิน 2,000,000 บาท กอล์ฟก็ยังไม่ได้ และกอล์ฟยืนยันเลยนะคะว่ากอล์ฟไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของค่าตัวนักแสดงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะสัญญาตัวนี้นายทุนเขาเป็นคนติดต่อนักแสดงพูดคุยเรื่องค่าตัวนักแสดงเองทั้งหมด”
บี๋ – “ผมในฐานะที่เป็นหนึ่งนักแสดงประกอบของเรื่องและยังไม่ได้รับค่าตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งผมต้องเล่าก่อนว่าตอนที่เขาติดต่อมาเขาบอกกับผมว่าจะจ่ายค่าตัวผมเป็น 2 งวด คือจ่ายก่อนถ่ายทำ และจ่ายอีกครั้งหลังจากถ่ายทำได้เกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนั้นผมก็โอเคไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่แล้วพอภาพยนตร์เริ่มเปิดกล้องได้สักระยะ ตัวผมเองก็ยังไม่ได้รับค่าตัวตามที่ตกลงกันไว้ ผมก็เลยทวงถามไปทางนายทุนว่าสรุปแล้วจะเอายังไง”
“ซึ่งเขาก็แก้ปัญหาด้วยการเขียนเช็คเงินสดให้กับผมเป็นเงินจำนวน 250,000 บาท แล้วพอผมเอาเช็คไปขึ้นกับทางธนาคารปรากฏว่าเช็คตัวนี้ถูกตีกลับเพราะว่ามันเป็นเช็คเด้ง เท่านั้นล่ะครับผมเลยรีบโทรไปถามนายทุนอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันเป็นแบบนี้อยู่ 3 ครั้งครับ ที่ผมเจอเหตุการณ์เช็คเด้ง (ยิ้ม) จนสุดท้ายผมได้มาทราบข่าวทีหลังว่าจริงๆ แล้วภายในผู้ลงทุนทั้ง 3 คนนั้นเขาเกิดผิดข้อสัญญาและทะเลาะกันเอง แล้วอย่างล่าสุดผมก็เพิ่งจะรู้อีกว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ถูกโกง แต่ยังมีนักแสดงรวมถึงผู้กำกับอีกหลายท่าน ที่ถูกหุ้นส่วนคนที่ 1โกงและหนีไปเช่นเดียวกัน”
ได้มีโอกาสพูดคุยกับคู่กรณีซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนที่ 1 แล้วหรือยัง ?
บี๋ – “ผมพยายามติดต่อเขาแล้วครับแต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วก่อนหน้านี้ตัวผมเองก็เคยโทรคุยกับคุณแม่เขาด้วยเหมือนกัน เพื่อสอบถามว่าเขารู้ไหมว่าลูกเขามีพฤติกรรมแบบนี้ซึ่งมันทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อน ขนาดหุ้นส่วนคนที่ 2 พยายามติดต่อให้เขามาร่วมกันรับผิดชอบก็ยังโดนตอบปฏิเสธเช่นเดียวกันครับ”
หลังจากนี้จะมีการนัดรวมตัวนักแสดงเพื่อดำเนินการไหม ?
กอล์ฟ – “เอาจริงๆ ตอนนี้ทีมนักแสดงแต่ล่ะคนก็ยังไม่ได้โอกาสได้นัดเจอหรือพูดคุยกันเลยค่ะ เนื่องจากต่างคนต่างก็งานยุ่งกันแทบทุกคน”
คิดว่าจะยืดเยื้อไปถึงขั้นฟ้องร้องเลยหรือเปล่า ?
บี๋ – “เอ่อ…ถึงตรงนี้เราคงต้องดำเนินคดีอยู่แล้วครับ เพราะเราต้องการทวงคืนความเป็นธรรมให้กับวงการบันเทิงและวงการภาพยนตร์ไทย”
ตอนนี้พี่บี๋ได้ดำเนินการไปถึงไหนบ้างแล้ว ?
บี๋ – “ส่วนตัวผม ผมดำเนินการไปตั้งแต่ปี 2557 แล้วครับ ซึ่งเรื่องอยู่ที่ สน.บางนา แต่ว่าจนถึงตอนนี้ เดือนเมษายน ปี 2558 เรื่องก็ยังคงอยู่ที่ สน.บางนา เหมือนเดิม คือผมไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าเป็นยังไงบ้าง ทำไมคดีเรื่องนี้มันช้าเหลือเกิน ทั้งๆ ที่หลักฐานต่างๆ มันก็มีอยู่พร้อม”
ส่วนตัวเราทั้งคู่คาดหวังไหมว่าจะได้รับเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมด ?
บี๋ – “ตราบใดที่มีลมหายใจเราก็ยังคาดหวังครับ เพราะเราได้ทำงานในส่วนของเราไปแล้ว เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้เรารู้สึกเหมือนเราถูกปล้นเงินไปไงครับ”
ในส่วนของ มาโกโตะ พี่กอล์ฟได้วางแผนไว้ไหมว่าจะช่วยเหลือติดต่อเขายังไง ?
กอล์ฟ – “เอ่อ…ในส่วนของมาโกโตะกอล์ฟไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกทางนายทุนเขาเป็นคนติดต่อมาโกโตะมาตั้งแต่แรก ซึ่งในส่วนกอล์ฟซึ่งเป็นทีมโปรดักชั่นกอล์ฟไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยิ่งเรื่องค่าตัวนักแสดงอันนี้กอล์ฟยิ่งไม่รู้ ซึ่งเราคงต้องรอให้ทางนายทุนเขาออกมาชี้แจงผ่านสื่อกันอีกที และเห็นว่าน่าจะเป็นเร็วๆ นี้ค่ะ”
รวมเบ็ดเสร็จค่าตัวที่ถูกโกงไปสูงถึง 10ล้านบาท เลยไหม ?
กอล์ฟ – “ในส่วนของนักแสดงท่านอื่นกอล์ฟไม่รู้นะคะ แต่ของกอล์ฟก็เป็นเงินจำนวน 2,000,000 บาทค่ะ เพราะกอล์ฟต้องนำเงินไปจ่ายให้กับทีมโปรดักชั่นด้วย ซึ่งหมายถึงค่ากล้อง ค่าไฟ ค่าทีมงาน และค่าตัวพี่ (หัวเราะ)”
ทางคู่กรณีซึ่งเป็นหุ้นส่วนรายที่หนึ่งเขาได้ติดต่อมาทางเราบ้างหรือยัง ?
กอล์ฟ – “เมื่อวานเขาโทรมาค่ะใช้เบอร์ใครก็ไม่รู้โทรมาหากอล์ฟ เพื่อบอกกับกอล์ฟว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ และอย่าให้เรื่องดำเนินไปถึงเขา ซึ่งกอล์ฟก็ได้แต่ตอบไปว่า “ขอโทษนะคะ กอล์ฟไม่ว่างคุยเพราะกอล์ฟจะพูดตามความจริงแค่นั้น” แล้วก็วางสายค่ะ”
แสดงว่าตอนนี้ก็ต้องรอพึ่งกระบวนการทางกฏหมายอย่างเดียว ?
บี๋ – “คงต้องเป็นแบบนั้นครับ แต่ผมพูดได้เลยครับว่ากระบวนการทางกฎหมายช้ามากจริงๆ ทั้งๆ ที่ผมไลน์ถามพี่หมวดตลอดถามทุกอาทิตย์ จนพี่หมวดเขาไม่ตอบไลน์ผมแล้วครับ (ยิ้ม)”
ขอขอบคุณข่าวจาก