news

ออกมาแสดงความบริสุทธิ์หลังจากถูกกล่าวหาและตกเป็นจำเลยในคดีฉ้อโกงมากว่า 4 ปี สำหรับ “เปิ้ล – ไอริณ ศรีแกล้ว” โดยงานนี้เจ้าตัวก็นำหลักฐานออกมาแถลงข่าวพร้อมกับชี้แจง และเผยว่าเตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องกลับให้ถึงที่สุด

“เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อสามสี่ปีก่อนเคยขึ้นไปแจ้งความ ที่กองปราบและเพิ่งมีคำสั่งศาลออกมา เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเมื่อสี่ปีก่อนหลังจากเรียนจบที่อเมริกา เปิ้ลได้เปิดบริษัทอีเว้นท์ของตัวเอง และมีเพื่อนสองคนมาทาบทามให้ถ่ายโฆษณาขนตาชิ้นนึง และวันที่ถ่ายเสร็จเขาเตรียมเงินมาไม่พอ ยังขาดอีก และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้โอนเงินมาให้ แต่มีตำรวจโทรมาหาเปิ้ล ให้ออกมาคุยกันและขอเงิน 60% คืน คือตำรวจนี้ได้กระทำขึ้นโดยที่ไม่มีเปิ้ลแต่เป็นคุณตั๊ว ที่ติดต่องานให้ เปิ้ลจึงให้ทนายติดต่อ และให้ไปที่ สน.คลองตัน เปิ้ลนำสัญญาให้เปิ้ลดู ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้พิมพ์ลายนิ้วมือ กลายเป็นว่าเรากลายเป็นผู้ต้องหา และรายงานตัวที่ศาลเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม ทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด เงินก็ได้ไม่ครบ ซึ่งก็ก่อนหน้านั้นเราเป็นเพื่อนกับคุณจอย หทัยทิพย์ แต่เรามีปัญหาต้องทะเลาะกัน และวันรุ่งขึ้นเขาก็ได้มีการแถลงข่าวว่าเปิ้ลฉ้อโกง ซึ่งก็มีข่าวเกิดขึ้น ทั้งที่เปิ้ลไม่เคยโกงเงินใคร แถมยังโดนข่มขู่อีก ซึ่งเปิ้ลได้แจ้งความไว้ที่ สน.คันนายาว และหลังจากนั้น สน.คลองตัน ก็ฟ้องเปิ้ลในข้อหาฉ้อโกงแต่พอเรื่องถึงศาลเราโดนสั่งไม่ฟ้อง

และล่าสุดศาลแพ่งบอกว่า ทั้งสามคนนั้นแจ้งความเท็จ และต้องชำระเงินให้เปิ้ล 5 แสนบาท โดยเปิ้ลได้ดำเนินการฟ้องในคดีอาญาต่อไปค่ะ ก่อนหน้านั้นเราเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้เลย เพราะเราตกเป็นจำเลย มันทุกข์ใจมากค่ะ วันนี้เปิ้ลก็อยากออกมาร้องขอความยุติธรรมค่ะ จริง ๆ เปิ้ลเป็นคนดิวงานกับเจ้าของงาน แต่คุณตั๊วเป็นคนแค่ติดต่อดารามาร่วมงานเท่านั้น ก็หลังจากนี้เปิ้ลได้แสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เปิ้ลทุกข์ใจมาก เพราะเรากลายเป็นคนมีประวัติฉ้อโกง เราต้องชวดงานหลายอย่าง ชวดสิ่งที่เราควรจะได้ไปเยอะมากทุกอย่างที่เปิ้ลพูดเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น และเป็นช่วงที่แย่ที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยค่ะ ที่ออกมาไม่พูดเรื่องเพราะว่าคำสั่งศาลยังไม่ออกมา เปิ้ลก็ไม่สามารถจะพูดได้ วันนี้เปิ้ลรอคอยมา 4 ปีแล้วค่ะ แต่สิ่งที่เปิ้ลต้องการมากที่สุดเงินมันชดใช้ไม่ได้ค่ะ แต่ชื่อเสียงของเราพอได้เห็นมันทุกข์ใจ มันหนักเกินไปหรือเปล่า สำหรับผู้หญิงคนเดียว ส่วนทางด้านผู้จัดการบอกตรง ๆ ว่าพี่เขาเคยรู้จักกับเรา เคยดูแลงานเราบ้าง ถ้าวันนั้นเขามีทีท่าว่ารู้สึกผิด เปิ้ลก็จะไม่ว่าอะไร แต่วันนั้นเขาด่าเปิ้ลต่อหน้าศาลเลยค่ะ เปิ้ลเลยรู้สึกว่าเขาทำแบบนี้มาหลายคนแล้ว วันนึงเขาจะทำกับคนอื่นอีก เปิ้ลก็จะเดินหน้าฟ้องศาลอาญาต่อไปค่ะ

หลังจากชนะคดียังไม่มีการพูดคุยกับใครเลยค่ะ เปิ้ลเชื่อว่าเขาไม่รู้สึกผิดหรอกค่ะ แต่สิ่งที่เขาทำมันทำลายอนาคตของคนนึงเลยค่ะ เงินที่ชนะคดี 5 แสน คงเอาไปทำบุญค่ะ เงินมันเป็นปัจจัยท้าย ๆ เลยที่เรานึกถึง แต่เขาน่าจะสำนึกในสิ่งที่เขาทำค่ะ มีคุณบิว เจ้าของผลงาน รวมถึงเลขา และคุณตั๊ว ผู้จัดการค่ะ จากเรื่องนี้ทำให้เราเสียเพื่อนไปด้วย จากคำพูดของเขาด้วยค่ะ คือหลังจากนี้ก็คงจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดค่ะ คนทำผิดก็ต้องได้รับความผิดจากสิ่งที่เขาทำค่ะ”


ขอขอบคุณข่าวจาก