จ่อลงโทษ 25 ฮูลิแกนบอลไทย หลังทางการลาวปล่อยตัวแล้ว
จากกรณีเหตุการณ์ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี นัดชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติเวียดนาม ที่สนามกีฬาแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งทีมชาติไทยเอาชนะเวียดนาม 6-0 ครองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ แต่เหตุการณ์นอกสนามกลับชุลมุนโดยแฟนบอลไทยบางกลุ่มจำนวน 25 คน มีเหตุวิวาทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสปป.ลาวในสนาม ที่เข้ามาห้ามปรามกรณีจุดพลุแฟร์ ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกจับกุม ด้วยข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่พนักงาน และคุมตัวไว้ที่ตรวจคนเข้าเมืองวัดไต เป็นเวลา 1 คืน โดยแบ่งแยกเป็น 2 ห้องนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้จัดการทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนพร้อมทีมงานเข้าไปพยายามเจรจา เพื่อแสดงความช่วยเหลือแฟนบอลกลุ่มดังกล่าวอย่างเต็มที่แล้ว ภายหลังจบการแข่งขันจนถึงช่วงค่ำแต่ไม่เป็นผล จึงต้องประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทยในสปป.ลาว ก่อนที่สถานทูตจะเตรียมนำเอกสารเพื่อขอเข้าเจรจา ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน ส่วนกลุ่มแฟนบอลผู้หญิงจำนวน 5 คน ที่ทางทีมชาติไทยขอตัวแยกออกมาตั้งแต่อยู่ในสนามแข่งขัน และได้พักอยู่ที่โรงแรมเดียวกับทัพชาติไทย เพื่อรอสถานเอกอัครราชทูตไทยมาดำเนินการ
ด้าน พ.ต.ท.ชัยทรัพย์ ธรัชฤทธิ์เต็ม คณะกรรมการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศ ไทย และหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ให้สัมภาษณ์ว่า นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคม ฟุตบอลฯ ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยคืนที่เกิดเหตุได้โทรศัพท์ไปสอบถามเหตุการณ์กับสถานทูตไทยในสปป.ลาว รวมทั้งนายณัฏฐพล ด้วยตัวเอง แม้ว่านายวรวีร์จะมีความสนิทสนมกับนายกสมาคมฟุตบอลของสปป.ลาวเป็นอย่างดี แต่ทางสมาคมฟุตบอลฯ จะปล่อยให้ทางการลาวดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายลาว
“สมาคม ฟุตบอลฯ เตรียมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่า เรื่องนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสื่อมเสีย เนื่องจากแฟนบอลกลุ่มนี้ฝ่าฝืนกฎระเบียบของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) รวมทั้งสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า แฟนบอลกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุที่ไทยมาแล้ว และเป็นพวกฮาร์ดคอร์ชอบสร้างความเดือดร้อน” พ.ต.ท.ชัยทรัพย์กล่าว
พ.ต.ท. ชัยทรัพย์กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ไทยโดนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ลงโทษด้วยการปรับเงิน หรือตัดสิทธิ์ไม่ให้ไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียยู 19 ปี รอบคัดเลือก ระหว่าง 28 ก.ย.-6 ต.ค.2558 ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม อีกด้วย
“ผม ดูคลิปแล้ว แฟนบอลกลุ่มนี้ไม่น่าก่อเรื่องเลย สมาคมฟุตบอลฯ จะสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากพบว่าแฟนบอลกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเรื่องมาแล้ว คงจะแบนไม่ให้แฟนบอลกลุ่มนี้เข้าชมเกมในสนามฟุตบอลตลอดชีวิต”
ขณะ ที่ พ.อ.วรวุฒิ ทองศรีงาม เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า เชื่อว่าสมาคม ฟุตบอลฯ คงโดนปรับเงินอย่างแน่นอน เพราะแฟนบอลกลุ่มนี้ทำผิดอย่างชัดเจน ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากขอร้องแฟนบอลไทยทุกคนให้เชียร์ฟุตบอลอย่างสุภาพ ไม่ว่าจะเป็นที่ไทยหรือในต่างประเทศ
วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กำลังตรวจสอบข้อมูลกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ ซึ่งกำลังดูแลช่วยเหลือกลุ่มกองเชียร์ชาวไทยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ หากญาติกองเชียร์ไทยต้องการให้กต.ช่วยประสานกับสถานทูตไทยฯ อีกทางหนึ่ง ก็สามารถติดต่อสายด่วนกรมการกงสุล หมายเลขโทรศัพท์ 09-4003-7190, 09-4003-7191 และ 09-4003-7192
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว ออกประกาศว่าสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ทราบข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันฟุตบอล ASEAN Football Federation U-19 Championship 2015 ระหว่างทีมประเทศไทยกับทีมเวียดนาม ที่สนามกีฬาแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2558 และได้เห็นว่ากองเชียร์บางกลุ่มจากประเทศไทยได้กระทำการที่ไร้มารยาทต่อเจ้า หน้าที่ของสปป.ลาว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยมีความเสียใจ และขอโทษต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนลาวทุกคนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นอก จากนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ยังออกประกาศ (ครั้งที่ 2) เรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงในระหว่างการแข่งขันดังกล่าว โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทร์ได้ออกประกาศเกี่ยวกับข่าวเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ในวันนี้ (5ก.ย.) เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสปป.ลาว ได้เชิญผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย เข้าพบเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ และรับตัวกองเชียร์ไทยที่ถูกควบคุมไว้เมื่อค่ำวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้ง 25 คนกลับประเทศไทย ทั้งนี้ กลุ่มคนไทยได้แสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของฝ่ายลาวและไทย และกล่าวว่าเป็นบทเรียนสำคัญ และสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก
ใน นามของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ขอแสดงความขอบคุณรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นอย่างยิ่ง สำหรับไมตรีจิตอันพิเศษที่มีต่อประเทศและประชาชน เสมอมา
ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจลาวได้ปล่อยตัวแฟนบอลไทยทั้งหมดแล้ว และได้อบรมมารยาทให้กับแฟนบอลไทยกลุ่มที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กลุ่ม “อัลตรา ไทยแลนด์” เคยสร้างวีรกรรมจุดพลุแฟร์ในสนามเลียนแบบวัฒนธรรมกองเชียร์ต่างประเทศ ซึ่งผิดระเบียบที่องค์กรฟุตบอลนานาชาติระบุไว้ และส่งผลให้สมาคมฟุตบอลฯ ถูกปรับเงินมาแล้วหลายครั้ง
ด้าน นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทันทีที่เกิดเรื่องได้พยายามประสานทุกฝ่าย โดยทราบว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายกันในสนาม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจลาว พยายามไปเชิญกองเชียร์ออก จากกรณีที่จุดพลุ ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง จึงได้ประสานสถานทูตไทย รวมทั้งนายวิเพ็ด สีหะจัก นายกสมาคมฟุตบอลของสปป.ลาว แต่เนื่องจากเป็นคดีความจึงต้องให้ทางราชการเข้าไปเจรจา
“เรา พยายามเต็มที่เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะที่ผ่านมาไทยไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และถือว่าค่อนข้างเสียหายมาก จึงอยากฝากย้ำเตือนแฟนบอลว่า การเดินทางไปชมฟุตบอลในต่างประเทศ จะต้องเคารพกฎหมายของประเทศนั้นๆ ด้วย ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรก็ทำ ซึ่งเราคงต้องดูท่าทีต่อไปว่า จะมีบทลงโทษใดๆ จากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียตามมาหรือไม่ ส่วนแฟนบอลกลุ่มนี้เรามีประวัติอยู่แล้ว หากเป็นบุคคลที่เคยกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็คงจะต้องห้ามเข้าสนามต่อไป” นายกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าว
นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มเอฟ ระหว่าง ไทย กับ อิรัก วันที่ 8 ก.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. นั้น สมาคมฟุตบอลฯ และฝ่ายจัดการแข่งขันขอแจ้งให้ทราบว่า ห้ามแฟนบอลนำพลุ หรือดอกไม้ไฟ เข้าไปในสนามเด็ดขาด และได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย และจะนำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดไปตรวจในวันแข่งอย่างละเอียด หากค้นพบว่าใครมีพลุหรือดอกไม้ไฟจะถูกห้ามเข้าสนาม หรือหากมีใครแอบลักลอบเอาเข้าไปได้ และมีการจุดพลุขึ้นมา ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.วัตถุระเบิด ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสปป.ลาว จำเป็นต้องรวบแฟนบอลทั้ง 25 คนไว้ เพื่อคุมตัวไปสอบสวนหาผู้กระทำผิด แม้จะถูกปล่อยตัวแล้ว แต่ทั้งหมดถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าสปป.ลาวเป็นที่เรียบร้อย โดยระหว่างเดินทางกลับมีผู้แทนจังหวัดหนองคาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับตัวกลับด้วย
ต่อมาเวลา 13.55 น. ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกองเชียร์ฟุตบอลไทยจำนวน 25 คน เดินทางกลับถึงไทยผ่านทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว โดยทางการลาวได้ควบคุมตัวกองเชียร์ทั้ง 25 คน ไว้ที่ตรวจคนเข้าเมืองวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นเวลา 1 คืน โดยทางสถานทูตไทยประสานเจรจากับทางการลาว จนอนุญาตให้คณะกองเชียร์ฟุตบอลกลุ่มนี้เดินทางกลับประเทศได้ เมื่อได้รับการอนุญาตแล้ว พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ แสงเดือน รองผกก.ตม.หนองคาย และ ร.ต.ท.กฤตพล เกษตรสุนทร รองสว.ตม.หนองคาย ได้นำรถยนต์ของตรวจคนเข้าเมืองไปรับคณะกองเชียร์ทั้งหมดที่ด่านสะพานมิตรภาพ ฝั่งประเทศลาว
หลังจากนั้นนายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าฯ จ.หนองคาย พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ รองผบก.ภ.จ.หนองคาย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย ได้อบรมชี้แจงทำความเข้าใจ กับกลุ่มกองเชียร์นาน 1 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดหาข้าวกล่องให้กับกองเชียร์ทุกคน เนื่องจากยังไม่ได้รับประทานอาหารตั้งแต่เย็นวานที่ผ่านมา ก่อนที่จะให้ทุกคนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งกองเชียร์ทั้ง 25 คนนี้ ต่างคนต่างอยู่คนละจังหวัด ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ และขนอุปกรณ์การเชียร์ กลอง ธง ต่างๆ เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่จอดไว้ที่จุดรับฝากรถหน้าด่านสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ขณะที่ส่วนหนึ่งโดยสารเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงยังสนามบินวัดไตประเทศลาว หลังจากได้กลับบ้านก็จะนั่งรถโดยสารจาก จ.หนองคาย ไปขึ้นเครื่องบินที่ จ.อุดรธานี กลับกรุงเทพฯ
นาย สุชาติกล่าวภายหลังว่า ทางการไทยประสานความร่วมมือกับทางการลาวตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งได้พูดคุยกับกองเชียร์ว่า การเชียร์กีฬา ต้องเชียร์อย่างสุภาพ ต้องปฏิบัติตามกติกาสากล การจะเดินทางไปประเทศใดก็แล้วแต่ ต้องศึกษากฎระเบียบของประเทศนั้นๆ และต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งทั้ง 25 คน ก็รับปากว่าจะศึกษากฎระเบียบของประเทศ ศึกษากติกาสากล ซึ่งตนคิดว่ากองเชียร์ทุกคนต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ประเทศนั้นๆ ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะไทยกับลาวนั้นมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันทั้งระดับผู้บริหารระดับสูงและ ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ มั่นใจได้ว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติ การค้าขาย ผู้คนยังไปมาหาสู่กันเหมือนเดิม
นายณัฐวุฒิ ไชยขันธุ์ ตัวแทนกองเชียร์กล่าวว่า ต้องขอบคุณทางสถานทูตไทยฯ และลาว รวมถึงผู้ว่าฯ หนองคาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น และหวังว่าจะเป็นบทเรียนให้กับน้องๆ ที่ไปด้วยกัน รวมถึงแฟนบอลที่จะตามไปเชียร์ทีมชาติตัวเองยังต่างประเทศ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ศึกษาข้อมูลประเทศนั้นๆ ก่อนเป็นสำคัญ ยืนยันว่า จะระมัดระวังในการเดินทางไปเชียร์ฟุตบอลในต่างประเทศให้มากขึ้น
ขณะ ที่ พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.4 กล่าวว่า หลังจากนี้หากมีการจัดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้าน คงต้องขอความร่วมมือกับแฟนกีฬาที่จะติดตามไปเชียร์ให้ช่วยกันเป็น กองเชียร์ที่ดี ไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศ คงต้องตรวจสิ่งของต้องห้ามทั้งพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ สิ่งของอุปกรณ์เชียร์ที่อาจจะก่อให้เกิดการยั่วยุอย่านำเข้าไป
ผู้ สื่อข่าวถามว่า ทั้ง 25 คน จะถูกทางการลาวขึ้นแบล็กลิสต์หรือไม่ ผบก.ตม.4 กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะต้องรอให้ทางการลาวประกาศอย่างชัดเจน แต่ในส่วนของตม.ยังไม่ได้รับแจ้งการขึ้นแบล็กลิสต์บุคคลกลุ่มนี้แต่อย่างใด
ขอขอบคุณข่าวจาก