รูปลักษณ์ภายนอกของ Accord Hybrid TECH นั้น ยกดีไซน์มาจากรุ่นปกตินั่นเอง ซึ่งเราต่างคุ้นเคยดี แต่ก็มีการแต่งเติมเล็กน้อยเพื่อให้ดูต่างออกไปจากรุ่นปกติ เริ่มจาก การใช้ขอบสีฟ้าอ่อน ตกแต่งบริเวณกระจังหน้า, ไฟหน้า และไฟท้าย พร้อมสัญลักษณ์ไฮบริดด้านหลัง ไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อม Cornering Light รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำตัดกับผิวของซี่ล้อสีเงิน ช่วยให้ดูดุดัน

 

new

 

อุปกรณ์ภายในถูกยกมาจากรุ่น ‘TECH’ เวอร์ชั่นปกติเช่นกัน ซึ่งพรั่งพร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นมากมาย ซึ่งอ็อพชั่นเด่นๆยกตัวอย่างเช่น ระบบนำทางผ่านหน้าจอขนาด 8 นิ้ว, เครื่องเสียงแบบพรีเมี่ยมพร้อม HDD Audio ติดตั้งลำโพง 7 จุดพร้อมซับวูฟเฟอร์, รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน, Adaptive Cruise Control, กุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ท, ระบบปรับอากาศแบบ Dual-zone, เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ด้านหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับ และ 4 ทิศทางฝั่งผู้โดยสาร และอื่นๆอีกมาก

 

 

 

ระบบความปลอดภัยในรุ่น TECH ถือว่าเป็นจุดเด่นเหนือคู่แข่งเช่นกัน เพราะมีทั้งระบบเตือนกันชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรค (CMBS), ระบบเตือนอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (LaneWatch, กล้องมองหลังปรับองศาได้ 3 ระดับ, ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยด้านหน้ารวม 6 ใบ, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA, เสียงเตือนคนภายนอกขณะขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้า (AVAS), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัด (HSA) และอื่นๆอีกหลายอย่าง

เครื่องยนต์ไฮบริดของ Honda Accord ทำงานผสานกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson Cycle DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 165 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้แรงบิดสูงสุดถึง 307 นิวตัน-เมตร ให้กำลังสูงสุดรวม 199 แรงม้าเมื่อทำงานพร้อมกันทั้งสองระบบ กำลังทั้งหมดถูกส่งไปยังล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT โดดเด่นด้านความนุ่มนวล

 

 

 

ระบบไฮบริดของ Accord Hybrid ใช้ชื่อว่า ‘Sport Hybrid i-MMD’ มีลักษณะการทำงานคล้ายเครื่องยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยในขณะรถหยุดนิ่ง ระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ ใช้เพียงมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว เมื่อเหยียบคันเร่งออกตัว ระบบจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ก่อน แต่หากใจร้อนเท้าหนักขึ้นมา เรื่องยนต์จะเข้ามาช่วยเสริมกำลังด้วย เมื่อใช้ความเร็วคงที่ จะมีการทำงานสลับกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ เพื่อช่วยด้านความประหยัด และเมื่อเหยียบเบรค ระบบจะทำการชาร์จพลังงานเข้าไปในแบตเตอรี่

 

 

 

เริ่มออกเดินทางจากศูนย์ฝึกอบรมฮฮนด้า บางชัน ก็ได้มีโอกาสสัมผัสการทำงานของระบบเตือนกันชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรค (CMBS) กันก่อนเลย เพราะตั้งใจจะหนีสัญญาณไฟเหลืองเสียหน่อย แต่รถคันหน้าดันไม่เล่นด้วย (ฮา)

ระบบ CMBS จึงแจ้งเตือนว่ารถของเรากำลังพุ่งไปหารถคันข้างหน้าด้วยความเร็ว สัญญาณไฟบนหน้าปัทม์กระพริบและมีเสียงเตือนดังขึ้น รวมถึงมีการกระตุกของเข็มขัดนิรภัย บ่งบอกว่าระบบช่วยเบรคกำลังทำงาน บวกกับการเหยียบเบรคของคนขับแล้ว ทำให้ตัวรถหยุดสนิทได้อย่างทันท่วงที ทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุของระบบ CMBS ในการใช้งานจริง

 

 

ด้านอัตราเร่งนั้น ในโหมดไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานคู่กัน) ทำได้ค่อนข้างดี ตัวรถสามารถพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล จนบางครั้งแทบลืมไปเลยว่าใช้เครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตรเท่านั้น น้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้าอยู่ในเกณฑ์กำลังดี มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่ยังให้ความรู้สึกกระชับ ฉับไว ทำให้ควบคุมตัวรถที่มีขนาดใหญ่ทำได้ง่าย ส่วนระบบเบรคนั้น ทำได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากทำงานคู่กับเจเนอเรเตอร์ในการชาร์จไฟ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรคขึ้นอีกทาง แต่สัมผัสการ Linear ก็ยังมีจังหวะให้รู้สึกว่าเจเนอเรเตอร์เริ่มทำงานเล็กน้อย แต่หากใช้งานจนชินก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

ระบบช่วงล่างของ Accord Hybrid ถูกเซ็ทมาให้ความนุ่มนวลกำลังดี ซับแรงกระแทกจากรอยต่อของงถนน รวมถึงหลุมบ่อได้อย่างนุ่มนวล แต่ยังคงให้ความมั่นใจในความเร็วสูง

หลังจากเราลองสังเกตระดับแบตเตอรี่ดูนั้น พบว่าระบบไฮบริดของแอคคอร์ด ค่อนข้างเน้นการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ได้ แต่ก็ทำให้ประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำในหลายๆช่วงของการเดินทาง (ประจุไฟฟ้าเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมด) ซึ่งส่งผลใช้โหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวโดยการกดปุ่ม EV ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น

 

 

 

นอกจากนั้น เรายังได้ทดลองใช้ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ โดยตัวรถจะเคลื่อนที่ตามความเร็วที่เราตั้งไว้เหมือนครูซคอนโทรลทั่วไป แต่หากมีรถด้านหน้าแซงขึ้นมา ก็จะลดความเร็วลงให้เท่ากับคันข้างหน้าโดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายยามเดินทางไกล

อัตราสิ้นเปลืองของ Accord Hybrid นั้น เราใช้ความเร็วระดับ 80-120 กม./ชม. นั่ง 3 คน เปิดแอร์ตามปกติ หน้าจอแสดงตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 17 กม./ลิตร ซึ่งแม้ว่าจะไม่เท่ากับที่ทางฮอนด้าเคยเคลมไว้ แต่ตัวเลขที่เราได้นั้น ก็สะท้อนการใช้งานจริง มีรถติดบ้าง เร่งแซงบ้าง ซึ่งถือว่าทำได้ดีเมื่อเทียบว่านี่คือรถระดับ D-Segment ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ความสะดวกสบายมากมายและสมรรถนะที่ไม่เป็นรองใคร

 

 

 

สรุป ‘Honda Accord Hybrid TECH’ ให้สมรรถนะในการขับขี่ดี อุปกรณ์ความสะดวกสบายเพียบ ระบบความปลอดภัยเหนือชั้น ประหยัดน้ำมันด้วยระบบไฮบริด แลกกับค่าตัว 1,899,000 บาท ที่หลายคนอาจคิดหนัก แต่พูดได้เลยว่าคุ้มค่าที่สุด ณ วินาทีนี้


ขอขอบคุณข่าวจาก