วงจรปิดภาพเก๋ง 4 คัน อ้างเป็นทหาร บุกปล้นบ้านเศรษฐีสุรินทร์
ความคืบหน้าปล้นบ้านเศรษฐีสุรินทร์ เผยภาพวงจรปิดรถ 4 คัน ไม่มีทีท่ารีบร้อนหลบหนี ยันยังไม่พบกำลังทหารในพื้นที่เกี่ยวข้อง ด้านชุดสืบเร่งหาภาพวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายหลบหนี
(12 ก.ค.) จากกรณีที่ชายฉกรรจ์ 7 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทาหาร พร้อมพกอาวุธปืนเข้าขอตรวจค้นบ้านพัก ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายกฤศณัฏฐ์ อายุ 59 ปี เจ้าของทัวร์และประสานงานกับคาสิโนในประเทศกัมพูชา ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินไป เช่น ทองรูปพรรณ น้ำหนักรวม 33 บาท เงินสด 350,000 บาท พระเครื่องเลี่ยมทอง 10 องค์ และเครื่องเพชร รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านไป เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.ฉลอง ภาคภิญโญ ผู้บังคับการตรวจภูธร จ.สุรินทร์ ได้เปิดเผยภาพวีดีโอวงจรปิด ที่สามารถบันทึกได้ที่ทั้งที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลกาบเชิง และร้านค้าบริเวณถนนหลักหน้าที่ว่าการอำเภอกาบเชิง พบรถยนต์คนร้ายทั้ง 4 คันดังกล่าว ขับผ่านเข้าไปก่อเหตุ เวลาประมาณ 18.41 น.
ก่อนที่จะพบภาพรถยนต์กลุ่มเดิมขับกลับมุ่งหน้าไปทาง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ในเวลาประมาณ 19.30 น. ในลักษณะไม่เร่งรีบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สนง.ตำรวจภูธรภาค 3 ชุดสืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ และชุดสืบสวน สภ.กาบเชิง อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี รวมทั้งค้นหาภาพตามปั้ม ปตท. เพื่อติดตามหาภาพรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายและหมายเลขทะเบียนรถยนต์ที่ก่อเหตุ เพื่อให้สามารถตรวจสอบเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ ได้รายงานไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 หลังได้ร่วมกับกำลังพลทหารในพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ยังไม่พบว่ามีกำลังพลในสังกัดมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ฉลอง กล่าวว่า กรณีเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม เวลาประมาณทุ่มตรง ได้มีกลุ่มคนร้าย จำนวน 7 คน แต่งกายคล้ายทหาร เข้าไปทำการขอค้นบ้านผู้เสียหาย โดยแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้เสียหายจึงได้พาค้นตามจุดต่างๆ รวมถึงตู้เซฟ ซึ่งมีเงินสดอยู่จำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยสร้อยคอทองคำจำนวนหนึ่ง
ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะพาผู้เสียหายหลบเข้าไปอีกห้องหนึ่ง และอ้างว่าจะพานำส่งโรงพัก แต่พอผู้เสียหายออกมาปรากฏว่ากลุ่มร้ายได้หลบหนีไปแล้ว พร้อมทรัพย์สินดังกล่าว ส่วนแนวทางการสืบสวน ตอนนี้เราก็ได้พยานหลักในที่เกิดเหตุและพยานสิ่งแวดล้อมพอสมควร
รวมถึงกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพรถต้องสงสัยได้เป็นรถยนต์ จำนวน 4 คัน ถือว่าการสอบสวนคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าคนร้ายเป็นใคร ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานและภาพวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีเพิ่มเติมอีกครั้ง คาดว่าจะได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีในเร็วๆ นี้
ขอขอบคุณข่าวจาก