โตส แถลงตอก ฟ้า บาร์บี้ พูดคนละเรื่อง
ปล่อยให้เรื่องราวยืดเยื้อมานานเกือบสัปดาห์ ล่าสุดนักแสดงวัยรุ่น “โตส อรัสมันต์ จิตตะศิริ” ก็ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมฟังการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จในมุมของตนเอง หลังอดีตแฟนสาว “ฟ้า วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล” หรือ “ฟ้า บาร์บี้” เน็ตไอดอลชื่อดัง เปิดฉากแฉพฤติกรรมโหดโดยอ้างว่าถูกเจ้าตัวทำร้ายร่างกายหลายจุด พร้อมนำเอกสารแจ้งความและใบรับรองแพทย์ออกมาโชว์สื่อทั้งน้ำตาเมื่อสัปดาห์ก่อน!!
ซึ่งงานนี้นอกจากหนุ่ม “โตส อรัสมันต์” จะออกมายืนความบริสุทธิ์ใจ พร้อมชี้แจงรายละเอียดประหนึ่งว่าเป็นหนังคนละม้วนแล้วนั้น เจ้าตัวก็ยังฝากวลีเด็ดไปถึงอีกฝ่ายด้วยว่า “จากนี้ไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีก และจะลืมด้วยว่ามีคนแบบนี้อยู่บนโลก”…
วันนี้ผมต้องขอออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าผมไม่ได้ทำ สำหรับกรณีที่เขาออกมาบอกว่าผมทำร้ายร่างกายเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็คือ เขาเป็นคนนัดให้ผมไปเจอเอง และผมก็ไปตามที่เขานัด แต่ตามปกติเราสองคนเลิกกันแล้วนะเพียงแค่เรายังเจอกันได้ ซึ่งพอผมไปตามที่เขานัดปุ๊ป เขาก็บอกให้ผมไปรอเขาอยู่ในที่ๆ หนึ่งก่อนแล้วค่อยออกมาเจอเขา
ซึ่งพอเขาบอกมาแบบนั้นผมก็เลยรู้สึกเอะใจว่าเขาน่าจะออกไปไหนแน่ๆ จากนั้นผมก็เลยตัดสินใจว่าจะแอบไปหน้าบ้านเขา แต่ด้วยความที่มือถือผมแบตหมด ผมก็เลยต้องขับรถไปตรงป้อมยอมและก็โทรบอกเขาว่า “ผมอยู่หน้าบ้านเขาแล้วนะ ไหนบอกว่าอยู่บ้านไง” จากนั้นเขาก็เลยขับรถกลับมา และพอเจอกันผมก็ถามเขาปกตินะครับว่า “ไปไหนมา บอกให้โตสมาและออกไปหาคนอื่นมาใช่ไหม” คือผมถามเขาดีๆ ปกติ ไม่ได้โวยวายหน้าหน้า ไม่ได้บีบแตร หรือทำอะไรตามที่เขาพูดเลย และถ้าผมทำแบบนั้นจริงๆ ยามที่ป้อมไม่มาไล่ผมเหรอ ตำรวจไม่มาจับผมเหรอถ้าผมบุกรุกบ้านเขาขนาดนั้น”
ตอนนั้นเราคุยกันด้วยอารมณ์ไหนถึงได้มีการทำร้ายร่างกาย ?
“ผมคุยอารมณ์ดีปกติอยู่แล้วครับ เพราะผมก็ไม่ได้สนอะไร เนื่องจากเราสองคนต่างก็มีคนของตัวเองอยู่แล้ว แต่ผมแค่ถามเฉยๆ ว่า “เขานัดผมออกมาแล้วเขาไปหาคนอื่นมาเหรอ” ซึ่งมันก็เป็นคำถามกวนๆ แต่ในเมื่อจับไม่ได้ผมก็ขับรถออกไปกับเขาตามปกติ
ตลอดเวลาที่อยู่บนรถผมก็พูดแต่เรื่องนี้นะ ย้ำแต่เรื่องนี้ จนเหมือนเขาจะโมโหและก็เริ่มด่าผม ด่าผมเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนกวนๆ ถ้าโดนด่าผมจะนิ่งทำหูทวนลมใส่ เขาก็เลยดูแบบว่าหมั่นไส้ผม จากนั้นก็เริ่มถีบผม ยกขาขวาขึ้นมาถีบเลย เขาเป็นคนทำร้ายร่างกายผมก่อน เขาจิกหัวผมดึงลงมาเหยียบเล่นๆ แถมตอนนั้นผมก็กำลังขับรถอยู่ด้วย แต่ผมมีสติไงครับ ผมเอาเท้าขวาเหยียบเบรคและก็ขับรถเบี่ยงไปข้างทาง
คือผมจะตบเขายังไง เพราะตอนนั้นผมโดนเขาตบทุกที่ ซึ่งผมยอมรับนะว่าผมจับมือให้เขาหยุดจริง แต่ผมจับเพื่อดันตัวเขาออกไป รวมถึงบอกกับเขาด้วยว่า “ถ้าหากเขาทำแบบนี้อาจจะทำให้รถคว่ำได้ แต่ถ้าเขาอยากตายก็โอเค โตสจะขับรถไปเรื่อยๆ ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน” จากนั้นผมก็กลับมาขับรถปกติ แต่เขาก็จับผมถีบผมเรื่อยๆ นะ ซึ่งพอผมขับรถมาถึงบ้านเขาก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ดี และก็คุยกับผมดีๆ ได้”
สาเหตุที่ทะเลาะกันคืออะไร ?
“สาเหตุก็คือพอไปถึงบ้าน คนที่เขาไปหาก็ทักมาหาเขาพอดี จากนั้นผมก็เลยถามเขาอีกว่า “ไหนล่ะที่บอกว่าไม่ได้ไปหาใคร แล้วนี่คืออะไร” และเขาก็บอกกลับมาว่า “โอเคเดี๋ยวเลิกยุ่งกับคนนี้ก็ได้ แต่โตสก็ไปเลิกยุ่งกับคนนั้นสิ เราจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม” ซึ่งผมก็ยืนยันไปกับเขานะว่า ผมเลิกยุ่งกับคนนั้นไม่ได้ เพราะเขาก็เป็นคนที่ดีสำหรับผม”
แสดงว่าเราก็หึงเขาเหมือนกัน ?
“ผมปกติเลยครับ ไม่ได้หึงเลย จะนัดเจอผมก็ได้ กินข้าวก็ได้ ทำอะไรก็ได้”
เท่าที่ฟังเหมือนเราสองคนจะอยู่ในสถานะต่างคนต่างคบซ้อน ?
“ประมาณนั้นครับ คือเราเคยคบกันมา 11 เดือน เราไม่เคยห่างกันเลย ดังนั้นมันก็ต้องมีความผูกพันกันด้วย”
ตอนอยู่บนรถเราได้ต่อสู้กลับหรือทำอะไรเขาบ้างไหม ?
“อย่างที่ผมบอกครับ ผมยอมรับว่าผมจับมือขวาเขาและก็ดันตัวให้เขาหยุด แต่ผมไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขาเลย ผมไม่เคยทำร้ายผู้หญิง”
เขาบอกนะว่าตอนที่ถึงบ้านเราตบหน้าเขาด้วย ?
“แถวบ้านผมมีกล้องวงจรปิดนะ ถ้าเห็นกล้องจะรู้เลยว่า ผมเดินเข้าบ้าน และเขาเดินตาม การปิดประตูทุกอย่างคือปกติ”
แม่เราเห็นเหตุการณ์ด้วยตอนที่เขาดึงกรอบรูปให้เสียงดัง ?
“ตอนแม่เดินเข้ามาเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งนะครับ แม่ยังถามอยู่เลยว่ามีอะไรกันเหรอ เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร”
จริงไหมที่เราเอากำปั้นทุบหน้าเขา ?
“ถ้าผมทุบจริงๆ รอยไม่น้อยขนาดนั้นหรอกครับ หน้าต้องแตกแล้ว ยิ่งเหยียบหน้า เหยียบหัว จมูกเขาต้องดั้งหัก ขาหัก แขนหักแล้ว”
แต่คนก็สงสัยนะว่ารอยเขียวช้ำต่างๆ มันมาได้ยังไง ?
“ต้องถามเขาเองครับ ผมไม่รู้เหมือนกันว่ารอยมาได้ยังไง ผมยอมรับแค่อย่างเดียวว่ามีแค่รอยตรงแขนขวาที่ผมจับเขา อาจจะเป็นเพราะผมจับแน่นไปก็ได้”
ก่อนที่จะแยกกันวันนั้นเราเห็นรอยช้ำต่างๆ บ้างไหม ?
“ผมเห็นแค่รอยแขนรอยเดียวครับ ส่วนรอยอื่นผมไม่รู้ ผมไม่ขอพูดดีกว่าว่ามันเป็นยังไง”
มีบางกระแสที่มองไปว่าเขาเป็นฝ่ายทำขึ้นมาเอง ?
“ผมไม่รู้ ต้องถามเขาครับ ผมให้เกียรติเขา เขาทำอะไรเขารู้อยู่แก่ใจ”
ตอนที่เขาแถลงข่าวเราได้ฟังไหม ?
“ฟังครับ ตอนที่ผมฟังบางเรื่องผมก็ตลกนะ แต่บางเรื่องผมก็ดูไปแล้วก็นึกว่าเขาเป็นคนนิสัยยังไง ผมอยู่กับเขามานาน ผมรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”
แต่เมื่อสักครู่นี้ในรายการเราบอกว่าเขาเป็นคนขู่เราไว้ว่า ถ้าเราไม่คืนดี เขาจะสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา ?
“อันนี้ผมไม่ขอพูดดีกว่าครับ ต้องไปถามเขาว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า เขาทำอะไรเขารู้อยู่แก่ใจ ถ้าหากผมพูดอะไรออกไปเป็นผู้ชายผมพูดไปก็ดูผิด ดูเป็นหน้าตัวเมีย”
เราบอกให้ไปถามเขา แต่เขาก็ยืนยันนะว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงซึ่งไม่ตรงกับคำพูดเรา ?
“ใช่ครับ ไม่ตรงเลยครับ ผมไม่ได้ทำร้ายเขาเลย”
ตอนทะเลาะกันเขาใช้น้ำเสียงยังไงบ้าง ?
“ผมเป็นคนนิ่งๆ แต่เขาก็จะเป็นคนที่ด่าตามที่เคยมีรุ่นพี่ออกมาพูดว่าเขาด่าผมยังไงบ้าง และพอผมทำหน้านิ่งๆ กวนๆ เขาก็ยิ่งหมั่นไส้”
แสดงว่าเขาสร้างเรื่องออกมาให้คนเข้าใจในตัวเราผิด ?
“ผมพูดอะไรเยอะไม่ได้ แต่ผมให้ทุกคนที่ดูข่าวตัดสินเองดีกว่าว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
วันนั้นเราพูดคุยกันจบยังไง ?
“วันนั้นพอเราคุยกันเสร็จก็นอนนะครับ เพราะเราคุยกันถึง 6 โมง แต่นอนปกตินะครับ เราง่วงกันทั้งคู่ จับมือนอนปกติ คุยกันดี ตอนเช้าผมขับรถไปส่งเขาที่บ้าน เขาเข้าบ้านไปเอาเงินมากินข้าวแถวซอยบ้านเขาด้วยนะครับ อารมณ์โกรธไม่มีเลย ทุกอย่างเป็นปกติเลย”
เราได้ถามเขาหรือยังตั้งแต่มีเรื่องราวต่างๆ นานา ?
“ผมไม่คุยแล้วครับ ผมโดนขนาดนี้ผมไม่คุยแน่นอน”
คดีความตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“ล่าสุดผมก็เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา และก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของเขาแล้วครับ ส่วนผมก็แจ้งความกลับเขาเหมือนกันในข้อหาดูหมิ่น คือเขาดูหมิ่นผมตรงข้อความช่วงท้ายที่เขาพิมพ์ลงเฟสบุ๊คว่า ผมเป็นคนไม่ดี หลอกเงินผู้หญิง”
เห็นเขาบอกว่ามีแฟนเก่าของเราส่งข้อความไปบอกเขาด้วยว่าเคยโดนเราทำร้าย ?
“ผมไม่เคยทำเลยครับ แฟนเก่าคนไหนที่เคยโดนผมทำร้ายร่างกายแสดงตัวออกมาเลยครับ ผมไม่ได้มีแฟนมานิดเดียวนะ ผมมีมาเยอะนะ และก็มีแฟนเก่ามาให้กำลังใจผมเยอะเหมือนกัน”
จากนี้จะมีการไกล่เกลี่ยกันไหม ?
“ถ้าเขาจะไกล่เกลี่ยนผมก็ยินดีไกล่เกลี่ยครับ แต่ตอนนี้ผมแจ้งความเขาคืนแล้วด้วย และตอนนี้ผมก็อยู่เฉยๆ หลักฐานผมมีพร้อม พร้อมดำเนินคดีเขาทันที”
แต่เขาก็บอกนะว่าถ้าเราขอโทษและพูดความจริงเขาก็จะยอมไกล่เกลี่ย ?
“ถ้าให้ผมมาขอโทษและให้ผมยอมเขาจริงๆ ผมจะไม่มาสู้ถึงทุกวันนี้เลย”
เห็นเขาบอกอีกว่าเขามีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด ?
“ผมเห็นแล้วครับ และผมบอกได้เลยเขามีแค่ตอนที่ผมขับเข้าไปกับขับออก แต่ของผมมีมากกว่านั้น”
ฟีดแบคที่มาถึงเราเป็นยังไงบ้าง ?
“ตอนนี้คนก็คิดกันไปแล้วว่าผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ฟังอะไรเลย ถามว่าเสียใจไหม ผมเสียใจครับ พ่อแม่ผมก็เสียใจ เพราะท่านไม่เคยสอนให้ผมทำร้ายผู้หญิง สิ่งไหนที่ผมผิดผมก็ยอมรับ แต่สิ่งไหนที่ผมไม่ผิดผมก็ไม่ยอมรับครับ”
เรารู้จักเขามานานคิดว่าเขาทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร ?
“ผมไม่ขอพูดดีกว่าครับ”
เราคิดว่าเขาสร้างเรื่องเพราะอยากดังหรือเปล่า ?
“ก็ส่วนหนึ่งครับ ก็น่าจะมี”
ตัวเขาหรือตัวเราที่อยากดัง ?
“ผมจะอยากดังเพื่ออะไรครับ ผมเล่นหนังของพี่พจน์มา 4-5 เรื่องแล้ว ผมไม่เคยช่วยโปรโมทหนัง ผมไม่เคยเผยตัวว่าผมเป็นนักแสดง ทุกคนไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าผมคือใคร แต่พอมีข่าวนี้ผมดังเลย ทุกคนรู้เลยว่าผมไงโตสตบผู้หญิง”
ถ้าฝ่ายหญิงเขาออกมาแถลงอีกรอบเราจะทำยังไง ?
“ถ้าเขาออกมาแถลงอีก ผมจะงัดหลักฐาน งัดคลิป งัดภาพออกมาให้ทุกคนได้เห็นเลย และผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ผมจะให้ทุกคนคิดตามเองว่ามันเป็นยังไง”
เราคิดว่าเรื่องนี้จะจบยังไง ?
“ถ้าผมถูกจริงๆ ผมจะให้เขามาขอโทษ และก็จะยกฟ้องคดีที่ผมแจ้งเขา คือตอนนี้เขาแจ้งความเท็จผมใช่ไหมคับ และถ้าผมถูกผมจะฟ้องกลับเลยว่าเขาแจ้งความเท็จทั้งหมด”
มีเรื่องแบบนี้จะส่งผลถึงงานในวงการเราเลยไหม ?
“ช่วงแรกๆ ก็ส่งผลนะครับ แต่ผมก็ได้ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจแล้วว่าผมไม่ได้ทำ”
เห็นช่วงที่เป็นข่าวก็มีภาพแชทระหว่างเรากับพี่พจน์ถูกปล่อยออกมาด้วย ?
“ใช่ครับ พี่พจน์เขาเคยบอกว่าอย่าคบกับคนนี้นะ แต่ผมไม่เคยเชื่อเพราะผมรักผู้หญิงคนนี้ และผมก็คิดว่าเขาคงไม่เป็นแบบที่พี่พจน์ว่าหรอก ถามว่าพอเกิดเรื่องพี่พจน์เขาว่ายังไงบ้าง เขาก็พักงานผมแล้วครับ พักผมจากงานภาพยนตร์ 2 เรื่อง”
ยืนยันว่าตอนที่เราไปบ้านเขา เราไม่ได้เข้าไปเพื่อง้อเขาแน่นอน ?
“ใช่ครับ ผมเข้าไปบ้านเขายังไม่เจอตัวเขาเลย ทั้งๆ ที่ตอนที่เขาออกมาพูดเขาบอกว่าเขาอยู่บ้านและผมก็ไปบีบแตรส่งเสียงดัง”
ถ้าหากเขาฟังอยู่เราอยากจะบอกอะไรเขา ?
“เขาทำอะไรเขารู้อยู่แก่ใจ เขาหลอกคนอื่นได้แต่เขาหลอกตัวเองไม่ได้ และอย่าให้ผมต้องพูดลึกกว่านี้ อย่าให้ผมต้องเป็นคนแฉ อย่าให้ผมต้องเอาเรื่องจริงมาพูด อย่าให้ผมต้องเอาหลักฐานออกมายืนยัน”
ความสัมพันธ์งงๆ ระหว่างเราสองคนตอนนี้ก็คือจบแล้วแน่นอน ?
“ถ้าข่าวถึงขนาดนี้ผมไม่กลับมาคุยแน่นอนครับ ลืมไปเลยว่ามีคนแบบนี้ในโลกนี้”
แล้วกับคนปัจจุบันตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“ผมก็เห็นใจเขานะครับ เพราะเรื่องนี้ก็ส่งผลถึงเขาเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าเลิกยุ่งกับเขาดีกว่าเพราะผมก็กลายเป็นคนมีข่าวไปแล้ว”
ขอขอบคุณข่าวจาก