news

ทำเอาแฟนคลับต่างใจหายไปตามๆ กัน เมื่อก่อนหน้านี้นางเอกสาว “แพท ณปภา ตันตระกูล” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์สามี “เบนซ์ เรซซิ่ง” ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะหยุดหรือไปต่อ อีกทั้งยังยอมรับว่าได้พาลูกชาย “น้องเรซซิ่ง” ย้ายออกมาจากบ้านของฝ่ายชายเรียบร้อยแล้ว

“แพท ณปภา” ชีวิตยังต้องสู้ เผยความสัมพันธ์ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ไม่ชัดเจน จะจบหรือไปต่อ

ล่าสุด “แพท ณปภา” ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวให้ฟังอีกครั้ง โดยเจ้าตัวได้เผยว่า ที่ให้สัมภาษณ์แบบนั้นเพราะถูกถามถึงเรื่องที่หมอลักษณ์ออกมาทำนายว่าจะมีหนุ่มใหม่เข้ามาแวะเวียนใกล้ๆ ซึ่งเธอก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าสถานะความสัมพันธ์กับสามีในอนาคตจะเป็นไปในทางไหน แต่ยืนยันว่ายังคงรักเหมือนเดิมอยู่เสมอ

พร้อมชี้แจงถึงสาเหตุที่ต้องย้ายออกมาจากบ้านของฝ่ายชาย เนื่องจากเธอมีแม่ที่ป่วยต้องดูแล ลูกชายเริ่มโตขึ้นทุกวันก็ต้องการพื้นที่ในการเลี้ยงดู รวมถึงเมื่อไม่มีสามีที่เป็นคนกลางคอยอยู่ด้วย เธอก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม ซึ่งทางคุณแม่ของเบนซ์ก็เข้าใจ และยังติดต่อกันอยู่เสมอ

ถูกจับตามองอีกครั้ง เพราะเราให้สัมภาษณ์ครั้งที่แล้ว คนเลยตีความหมายว่า เรากับเบนซ์เลิกกันแล้ว ?
“ยังหรอก ยังไม่ได้เลิกกัน จริงๆ แพทบอกไปตั้งแต่ตอนต้นสัมภาษณ์แล้วว่า แพทยังเป็นภรรยาที่ดีให้กับพี่เบนซ์อยู่ และยังเป็นแม่ที่ดีให้กับเรซซิ่งอยู่ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นคือว่าก่อนหน้าอาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ เขาฟันธงไปไกลถึงปี 2562 แล้วพอถูกถามถึงอนาคตเราก็ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะว่า ณ ตอนนี้สิ่งที่มันเป็นอยู่มันก็อยู่ของมัน ณ สภาพแบบนี้อยู่แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าแพทมีคนใหม่แล้วเหรอ คือยังไม่มีนะคะ อาจารย์ลักษณ์แค่บอกว่าถ้าเราสามารถอยู่กับมันได้ รับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้ จนเลยปี 2562 เข้าปี 2563 ทุกอย่างมันจะลงตัวกว่านี้ แต่ขอให้เราอดทน แต่ถ้าในระหว่างทางมันมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มันจะมีสิ่งหนึ่งที่เข้ามา สิ่งที่อาจารย์บอกว่านั้นคือ ผู้ชายเข้ามาในชีวิต แต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ แล้วตอนนี้มันก็ยังไม่ถึงเวลาค่ะ”

ที่คนตีความหมายแบบนั้นอาจะเพราะเราให้สัมภาษณ์ต่อว่า เราไม่ได้คุย และย้ายออกมาจากทางบ้านของเบนซ์แล้ว ?
“อันนี้มันก็เป็นเรื่องจริงที่เราเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

มันเป็นเพราะอะไร ?
“เพราะว่าหนึ่งเลยนะคะ น้องด้วย แพทด้วย ครอบครัวแพทด้วย คือเราต้องบอกก่อนว่าโดยก่อนหน้านี้แพทกับพี่เบนซ์ ระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันจนถึงมีลูก มันค่อนข้างสั้น ประมาณ 2 ปีได้มั้ง พอมันสั้นคือตัวกลางเขาไม่อยู่ ในการที่จะเชื่อมอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งกับแพท กับแม่พี่เบนซ์ กับโน้นนี่ รวมถึงพอเรามีน้อง ด้วยสถานที่ เพราะน้องโตขึ้นทุกวันค่ะ น้องก็ต้องการพื้นที่มากขึ้น ไม่ใช่แค่อยู่ในห้องแล้ว ไม่ใช่แค่ตึกแล้ว และบ้านของแพทก็มีบริเวณ มีทั้งทุกๆ อย่างโอเครองรับน้องอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสินใจว่าเราย้ายกลับมาอยู่บ้านดีกว่าค่ะ”

“ซึ่งอันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แพทต้องมาปิดบัง คือมันก็เป็นเรื่องจริง คนแถวนั้นก็เห็นอยู่แล้วว่าแพทย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว แล้วคนที่บ้านก็รู้ รวมถึงว่าที่เราคุยกับแม่พี่เบนซ์ด้วยว่า แพทติดเรื่องของคุณแม่ ที่แพทต้องกลับมาดูแล ไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่าแพทไปอยู่ตรงนู้นเสร็จ ถึงเวลาแพทก็ต้องกลับมาที่บ้าน วิ่งไปวิ่งมา มันเหนื่อยทั้งตัวเราทั้งลูกด้วยค่ะ แล้วเราเลี้ยงลูกเอง”

“จริงๆ ทางคุณย่าเขาก็บอกว่า โอเค ถ้าแพทไม่สะดวก หมายถึงว่าไปทำงานลำบาก ให้เอาน้องไปฝาก แต่ด้วยความที่เราเลี้ยงเขามาตลอดเวลา เราก็เลยคิดว่าเราเลี้ยงเองดีกว่า แล้วการที่น้องมากับเรามันไม่ได้ลำบากมาก เขามาก็ได้เรียนรู้ ได้รู้จักคน ได้เป็นที่รักของใครหลายๆ คน เลยเลือกทางนี้มากกว่า”

ทางแม่เบนซ์ได้มาคุยอะไรกับเราไหม พอข่าวออกไป ?
“ยังค่ะ ล่าสุดเจอกันเมื่อวาน ก็ยังไม่มี คุณแม่เขาก็บอกว่าโอเคถ้าแพทแฮปปี้ที่จะกลับมาก็กลับมา กลับมาอาทิตย์หนึ่งวันสองวันก็ได้ พาน้องมาเล่นกับแม่”

หลังจากที่ย้ายออก เรายังมีการพาน้องไปมาหาสู่กับคุณย่าอยู่ไหม ?
“ก็มีเพิ่งไปมา ทีนี้เนี่ยตรงนี้มันเป็นเรื่องภายในค่ะ อย่างที่บอกพอตัวกลางเขาไม่อยู่ คนเชื่อมทุกอย่างเขาไม่อยู่ มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะพูดยากเหมือนกันนะ”

ตัวเบนซ์ทราบไหม ว่าเราย้ายออกมาแล้ว ?
“คือเวลาเราไปเยี่ยม เราก็ไม่รู้ว่าเราจะพูดอะไร แต่เขารับรู้มาตลอดว่าแพทย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ได้ไม่รับรู้นะคะ เพราะแพทบอกตลอดว่าพี่เบนซ์คนตอนนี้แพทกับลูกกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วนะ ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้บอกให้เราย้ายกลับไป เขาก็บอกว่าโอเค เอาที่แพทสบายใจ”

เรากลัวคุณย่ากับเรซซิ่งจะห่างกันไหม ?
“อืม…อันนี้มันก็เป็นเรื่องที่เราก็พยายามทำให้เขาไม่ห่างกันมากๆ ค่ะ แต่ก็ต้องเข้าใจแพทด้วยว่าในตอนนี้แพทรับอะไรหลายอย่างในชีวิตมากเหลือเกินนะคะ อย่างแรกเลยคือตอนนี้แพทดูน้อง 100 เปอร์เซ็นต์ หมายถึงว่าเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ใช่แค่ของน้อง แต่ของแม่ ของตัวแพทด้วย ของครอบครัวด้วย ทีนี้แพทก็รับงานเยอะขึ้น เอาจริงๆ แพทแทบจะรับทุกงานเลยค่ะ ที่มันมีเข้ามา เพราะตอนนี้เราเริ่มเห็นค่าใช้จ่ายที่มันเป็นเลขขึ้นมาแล้วว่าลูกเราจะต้องใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกเท่าไหร่”

“ทีนี้มันก็จะกลายเป็นว่าที่เราต้องห่าง ที่บอกว่าห่างกับพี่เบนซ์ด้วยความที่ตอนนี้แพททำงานเยอะขึ้น เวลาเยี่ยมพี่เบนซ์ก็จะเป็นแค่วันพฤหัสบดี 1 ชั่วโมง แล้วมันก็ไม่ได้แปลว่าแพทจะสามารถไปเยี่ยมได้เอง แพทต้องรอคุณแม่พี่เบนซ์ด้วยว่าคุณแม่ว่างไหม เขาให้เยี่ยมแค่วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันก็ต้องตรงไปหมด บางทีเราก็ไม่อยากให้แม่รอเรา เพราะเราก็บอกไม่ได้ เราก็เลยเลือกว่าเอาเป็นว่าแม่ไปก่อน แล้วเดี๋ยวแพทสะดวกวีคไหน เดือนไหนก็ค่อยไป”

แต่ถ้าเรามีเวลาว่างตามแพลน เราก็ยังพาน้องเรซซิ่งไปด้วยใช่ไหม ?
“ไปค่ะ จริงๆ เอาตรงเลยนะคะ แพทสรุปให้เลย คือตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เนี่ย เราด้วยความที่ต้องเข้าใจแพทกับพี่เบนซ์ด้วยว่าเราสองคนเจอกันอาทิตย์ละครั้ง แล้วเราห่างกันมา เดือนหน้าก็จะครบ 1 ปี แล้วที่ครอบครัวเราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย แล้วตอนนี้ภาระแพทเยอะขึ้น ลูกแพทโตขึ้นทุกวัน แล้วประจวบกับที่ ที่แพทต้องบอกตรงๆ จะได้ไม่ต้องถามอีกว่าทำไมถึงไม่เห็นแพทที่บ้านพี่เบนซ์เลย หรือญาติฝั่งใครก็แล้วแต่ คือแพทสะดวกที่จะเอาน้องกลับมาเลี้ยงที่บ้านมากกว่า ด้วยเรื่องของบริเวณ สถานที่ แล้วประกอบกับที่แพทยังมีคุณแม่ที่แพทยังต้องดูแล การวิ่งไปวิ่งมา หอบลูกไปมาๆ ไม่สะดวกจริงๆ”

“แล้วตรงนี้พี่เบนซ์รับรู้นะคะ ว่าแพทกลับมาอยู่บ้าน ซึ่งพี่เบนซ์ไม่ได้ว่า หรือไม่ได้มีข้ออะไรทั้งนั้น เขาบอกว่าแล้วแต่ ส่วนตอนนี้หน้าที่ของแพทคือ แพทกับพี่เบนซ์ก็ยังเป็นสามีภรรยากัน แพทก็ยังทำหน้านี่ให้ดีที่สุด แล้วก็ยังเป็นแม่ของลูกเขาให้ดีที่สุดค่ะ”

ตอนที่มีข่าวออกไป คนมาถามเยอะคิดว่าเรามีปัญหาหรือเลิกกันจริงๆ ใช่ไหม ?
“ใช่ คนเข้าใจว่าเราห่างกันจริงๆ ซึ่งเราก็บอกว่าก็ห่างแหละพี่ โธ่ เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ว่าเรายังไม่เคยออกมาบอกว่าตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เราจบความสัมพันธ์กันแล้ว ยังไม่มีนะคะ ยังไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพียงแต่ว่าเราก็ยอมรับสถานการณ์ว่าตอนนี้เราห่างกันจริงๆ ด้วยหนึ่งภาระหน้าที่ที่แพททำ งาน แล้วก็ลูก แพทก็บอกเขาตรงๆ เลยว่ามันหนักมากจริงๆ พี่เบนซ์ แล้วแพทก็พยายามบอกเขาว่าเราทำอะไรบ้าง เราถึงปรึกษาเขาเรื่องค่าเทอมลูกต่างๆ ที่เราจะต้องแบกภาระตรงนี้อยู่คนเดียวค่ะ”

เรายังรักเบนซ์อยู่ไหม ?
“ยังรักๆ ยังรัก และเป็นห่วงเขาอยู่ค่ะ”

การที่เราย้ายออกมา เป็นการปรึกษา หรือว่าเราตัดสินใจแล้วไปบอกเขา ?
“จริงๆ มันก็ไม่เชิงว่าปรึกษาหรอกค่ะ จริงๆ มันก็คือการที่เราตัดสินใจแล้วก็ไปถามเขานั่นแหละว่า พี่เบนซ์ตอนนี้แพทย้ายกลับมาแล้วนะ เพราะว่าด้วยอะไรหลายๆ อย่าง คุณโอเคไหม เขาโอเคก็คือโอเคค่ะ”

ถามเรื่องสัญญาที่หมดกับช่อง 3 ?
“เพิ่งจะหมดไปช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาค่ะ แต่ว่าก่อนหน้านี้ที่เห็นเราไปทำนู้นทำนี่เพราะว่าเรามีการขออนุญาตไว้บางส่วน มีการบอกไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เนื่องจากพรีเซ็นเตอร์ที่เรารับ รวมถึงตัวที่เราเป็นเจ้าของ เนื่องจากว่าผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่ ไม่ได้ทำโฆษณาทางทีวี แต่ช่องทางการขายของเขาคือไทอิน แล้วถ้าเขาจ้างเราแล้วเราไม่สามารถทำหน้าที่ให้เขาได้ เขาก็คงคิดว่าจะจ้างเราทำไม ถ้าเราทำให้เขาไม่ได้ เราก็เลยมีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้เบื้องต้นว่า อาจต้องมีไปทอล์ค ไปไทอินนะคะ ก็ได้”

“แต่ว่าพอก่อนที่จะหมดสัญญา เราก็เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ว่า ตอนนี้ด้วยเรื่องการแสดงอาจเพราะคาแรคเตอร์ของเรา และเด็กในสังกัดที่เยอะ รวมถึงบทละครที่ส่งมาถึงเรามันก็ไม่ได้เยอะเหมือนเดิมแล้ว เราก็เลยบอกว่าโอเค ด้วยความที่เรามีลูกด้วย การที่ต้องถ่ายละคร 7 วัน มันก็ไม่เหมือนเดิม ก็เลยอยากทำเรื่องของพิธีกรให้มากขึ้น เลยขออนุญาตไว้ตั้งแต่ก่อนหมดสัญญาแล้วว่าอยากทำพิธีกรมากขึ้น เพราะว่ามันเป็นการง่ายและตอบโจทย์ตัวเราด้วย และตอบโจทย์อะไรหลายๆ อย่างด้วย”

ละครที่เล่นกับ มาริโอ้ และ คิมเบอร์ลี่ คือเรื่องส่งท้ายใช่หรือเปล่า ?
“อย่าส่งท้ายเลย จริงๆ แล้วเราไม่ได้หมายความว่าจะออกหรือว่าอะไรนะ แต่หมายถึงว่าถ้าจ้างมีงานเราก็ทำเหมือนเดิม เพียงแต่หมายถึงว่าในส่วนของละครเราก็ยังเล่นกับช่องเหมือนเดิม แต่ว่าจะขออนุญาตในเรื่องของเราอยากทำหน้าที่ของพิธีกรให้มากขึ้น หรือว่าเป็นแขกรับเชิญ”

ตอนนี้ยังมีสัญญาเรื่องการเล่นละครอยู่ไหม ?
“ตอนนี้เรายังไม่ได้เซ็นต่อ เพราะว่าแพทยังไม่แน่ใจ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันเป็นกิจจะลักษณะว่าเราจะต่อกันเป็นละครไหม เพราะว่ามันเพิ่งหมดสัญญาไป”

เท่ากับว่าตอนนี้เราก็เป็นนักแสดงอิสระ ?
“ใช่ค่ะ รับทุกอย่าง ยกเว้นละคร ละครยังเล่นให้แค่ช่อง 3 อยู่”

ตั้งใจจะเล่นละครให้ที่ช่อง 3 ที่เดียวเลยไหม ?
“คิดอยู่ค่ะ ที่เราคุยกันไว้ว่าเราคงจะเล่นละครให้ช่อง 3 แต่พิธีกรอาจจะจอหลากหลายหน่อย”

ถ้าตอนนี้ไปโผล่ช่องไหนก็อย่าเพิ่งตกใจใช่ไหม ?
“ใช่ อย่าเพิ่งตกใจ แต่ว่าจริงๆ แล้วคนที่ดูเราไม่ค่อยตกใจนะ เขาชินอยู่แล้ว เพราะเขาจะเห็นเราไปไทร์อินสินค้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอเราไปทำหน้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น คนก็จะได้เห็นมุมมองหลายๆ อย่าง เขาก็จะแฮปปี้ มาบอกเราว่าตามดูอยู่นะ เราก็ต้องขอบคุณมากๆ”

ตอนนี้มีทั้งหมดกี่รายการแล้ว ?
“ประมาณ 5 รายการมั้งคะ แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นแขกรับเชิญด้วย”

รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ชนกับรายการใหม่ที่เราจัดไหม ?
“จริงๆ เราก็แอบเกรงใจนะ แต่พอดูคอนเทนต์แล้วด้วยความที่เป็นพิธีกรเหมือนกัน มี 4 คน แต่ว่าคอนเทนต์รายการไม่เหมือนกัน ทางรายการแชร์ข่าวสาวสตรองเน้นในเรื่องของข่าว ข่าวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง กีฬา บันเทิง แต่ว่าผู้หญิงถึงผู้หญิงจะพูดถึงคอนเทนต์ เช่นคาเฟ่เก๋ๆ วิธีการดูแลตัวเองฉบับผู้หญิง จะมีการให้ข้อคิดหรือมุมมองของเราหลายๆ คน หรือจะเป็นดาราเข้ามานั่งพูดคุย พอเราดูคอนเทนต์จริงๆ คนดูจะได้คนละแบบจาก 2 รายการนี้ มันไม่เหมือนกัน อันนี้คือความคิดของแพทนะ“


ขอขอบคุณข่าวจาก