news

แก๊งตุ๋นคนแก่อาละวาด เหยื่อรายล่าสุด ยายวัย 73 ไหวพริบเฉียบ รู้ตัวกำลังตกเป็นเหยื่อ แต่ยังไม่ยอมเสียเชิง รอดกลับมาได้อย่างหวุดหวิด

(16 พ.ค.) พ.ต.ท.พิริยพงศ์ พงษ์สุวรรณ รอง ผกก.สืบสวน สภ.บ้านโพธิ์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และสายตรวจประจำตำบลหนองบัว ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุ กรณีมีหญิงชราถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงให้เข้าร่วมในขบวนการซื้อขายที่ดิน

โดยให้ร่วมลงทุนไปไถ่ถอนที่ดินที่จำนองไว้ให้หลุดพ้นออกจากการจำนอง ก่อนที่จะนำไปขายเพื่อจะแบ่งปันส่วนแบ่งให้ จนเหยื่อหลงเชื่อถูกล่อลวงขึ้นรถไปด้วยจากนั้นคนร้ายได้พยายามที่จะหว่านล้อมให้ไปถอนเงินจากบัญชีธนาคาร และพยายามร่วมกันชิงทรัพย์

เหตุเกิดขึ้นภายในซอยปากทางเข้าวัดบางกรูด (วัดประศาสน์โสภณ) ลึกเข้าไปจากถนนสายหลักทางหลวงแผ่นดินสาย 315 (ศุขประยูร) เข้าไปภายในซุ้มประตูทางเข้าวัดประมาณ 200 เมตร ที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทราเป็นบ้านของนางวัชรี อายุ 73 ปี อดีตข้าราชการ รพ.จุฬาลงกรณ์ เกษียณอายุ และเป็นภรรยาของอดีตนายทหารระดับผู้ชำนาญการกองทัพบก ยศพลโทเกษียณอายุราชการเช่นเดียวกัน

จากการสอบถาม นางวัชรี เล่าว่า ได้ถูกหญิงสาววัยประมาณ 40 ปี จำนวน 2 คนทราบเพียงชื่อ “โอ๋” กับ “เล็ก” คนหนึ่งผิวขาว อีกคนผิวคล้ำ ขับรถกระบะแบบ 4 ประตูสีขาว โตโยต้าวีโก้ ทะเบียนจำได้เพียง 4851 เดินทางเข้ามาพยายามหลอกลวงต้มตุ๋นให้หลงเชื่อ โดยครั้งแรกที่หญิงสาวสองคนนี้เดินทางเข้ามาในพื้นที่นั้น ได้ทำทีเข้าสอบถามหาซื้อที่ดิน ซึ่งมีอยู่หนึ่งแปลงที่ติดป้ายประกาศขายอยู่ในบริเวณใกล้บ้าน

คนร้ายอ้างว่ามีที่ดินอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ถูกน้ำท่วมพี่สาวจึงได้ขายไปได้เงินมา 35 ล้านบาท และจะเข้ามาหาซื้อที่ดินปลูกบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่น้ำไม่ท่วมนอกเมืองกรุงเทพฯ จากนั้นทั้งสองคนได้เข้ามาชักชวนพูดคุย และหว่านล้อมให้ตนเองนั้นเข้าร่วมหุ้นในการนำเงินไปไถ่ถอนที่ดินแปลงหนึ่ง ที่ติดหนี้จำนองไว้จำนวน 2 ล้านบาท ยังที่ร้านค้าแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นอำเภอติดกัน

พร้อมกับได้ถามกับตนว่ามีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารอยู่เท่าไหร่ เพื่อจะชวนร่วมหุ้นให้ไปไถ่ถอนที่ดินแปลงดังกล่าวด้วยกัน แต่ตนได้พูดบ่ายเบี่ยงว่าไม่มีเงินในบัญชีธนาคาร แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ละความพยายามที่จะหว่านล้อมชักชวนให้เข้าร่วมหุ้นด้วย

จนในที่สุดตนจึงได้ยินยอมขึ้นรถไปกับสองสาวแก๊งนี้ ที่ได้บอกว่าจะพาไปพบกับทางเจ้าของที่ดินผู้ที่ได้นำเอาไปจำนองไว้กับเจ้าหนี้ ยังภายในซอยวัดทศราษฎร์เจริญมณีฤทธิ์ ย่าน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านตนนัก ประมาณ 8 กม.

เมื่อไปถึงที่บริเวณวัดทศฯ นั้น ก็มีผู้ที่มาแสดงตนชื่อนายสมนึก ว่าเป็นเจ้าของที่ดินจริงแต่ได้อ้างว่าจะรีบออกไปทำธุระนอกบ้านจึงไม่ได้เข้าไปยังที่บ้านของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่ได้นำไปจำนองไว้ จากนั้นคนร้ายได้ทำทีพาตนนั่งรถไปถอนเงินด้วยกันจากทางธนาคารแห่งหนึ่งในเขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา โดยอ้างว่าผู้เป็นมารดาได้ช่วยโอนมาให้เพื่อนำเงินไปไถ่ถอนที่ดินแปลงดังกล่าว จำนวน 500,000 บาท

นอกจากนี้ ยังเห็นว่าหลังจากที่เขาลงมาจากธนาคารแล้วก็ทำทีว่ามีเงินธนบัตรเป็นปึกก้อนใหญ่ใส่ซองสีน้ำตาลเดินมายื่นให้แก่กันเก็บไว้ยังภายในรถ และบอกกับตนว่าตอนนี้ได้รวมเงินกันได้เกือบครบแล้ว แต่ยังขาดดอกเบี้ยที่จะนำไปไถ่ถอนที่ดินอีกจำนวนหนึ่งประมาณ 100,000 บาท พร้อมกับได้ทำทีเสนอผลตอบแทนให้แก่ตนจำนวน 2-3 แสนบาทหากร่วมจ่ายค่าดอกเบี้ยให้

ก่อนที่จะพาตนขับรถมุ่งหน้าไปยัง อ.พานทอง จ.ชลบุรี แต่ระหว่างทางก่อนที่จะถึงตัว อ.พานทอง คนร้ายได้พยายามที่จะยื้อแย่งเอากระเป๋าถือที่ตนถือมาไป เพราะเข้าใจว่าตนนั้นพกเงินติดตัวมาด้วยจำนวนมาก

ตนได้บอกกับคนร้ายไปว่าในกระเป๋าไม่มีเงินหรอกมีติดตัวแค่เศษแบงก์ยี่สิบ มาประมาณ 4-5 พันบาทเท่านั้น และขณะที่คนร้ายหยุดรถอยู่ในพื้นที่เปลี่ยวนั้น ตนจึงได้ลงจากรถและได้ทำทีโบกมือเรียกรถที่กำลังขับผ่านไปมา โดยมีรถบางคันได้ชะลอความเร็วและจะหยุดรถให้ จึงทำให้คนร้ายเกิดความเกรงกลัวและพากันขับรถหลบหนีไปโดยปล่อยตนทิ้งไว้กลางทาง ก่อนที่จะมีคนช่วยเหลือพามาส่งบ้าน


ขอขอบคุณข่าวจาก