ลูกสาวคนโตเล่าวินาทีบ้านถล่ม ดึงร่างพ่อหลบแผ่นปูนไม่ทัน ล้มสิ้นใจในอ้อมกอด
ความคืบหน้ากรณีบ้านปูนขนาด 2 ชั้น ฝั่งตรงข้าม สำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถล่มลงมาทั้งหลัง โดยมีคนติดภายในซากบ้านที่พังทลายรวมทั้งหมด 5 ราย ทั้งหมดเป็นพ่อแม่ลูกกัน ซึ่งการกู้ภัยเพื่อค้นหาและช่วยเหลือใช้เวลานานรวมเกือบ 6 ชั่วโมงเนื่องจากต้องใช้ความระมัดระวังขั้นสูงสุด จึงสามารถช่วยเหลือออกมาได้ทั้งหมด แต่คุณพ่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่ผ่านมานั้น
(1 พ.ค. 62) น.ส.ธัญญกาญจน์ หรือ ไอซ์ อายุ 31 ปี ลูกสาวคนโต เล่าวินาทีชีวิตให้ฟังว่า เมื่อวานนี้สมาชิกทุกคนในบ้านรวม 5 คน กลับเข้าบ้านเร็วกว่าปกติประมาณ 1 ชั่วโมงจากเดิมที่จะทยอยเข้าบ้านหลัง 19.00 น. ไปแล้วซึ่งช่วงเวลาเกิดเหตุตามปกติตนจะอยู่บ้านเพียงลำพัง แต่เมื่อวานนี้นางศิริกาญจน์ อายุ 52 ปี ผู้เป็นแม่มีนัดรับส้มโอเพื่อเตรียมนำไปขายกลัวว่าจะไม่ทัน ครอบครัวจึงกลับเข้าบ้านมาเร็ว จากนั้นได้เตรียมรับประทานอาหารเย็น ตนไปทอดไข่ แม่และพ่อเตรียมอาหารที่ซื้อมาจากตลาดขึ้นโต๊ะอาหาร
ตอนนั้นตนตักข้าวเข้าปากได้แค่คำเดียว ขณะที่คนอื่นๆ ยังเดินมาไม่ถึงโต๊ะกินข้าวได้ยินเสียงดังคล้ายว่าฟ้าร้องฟ้าฝ่า เสียงดังมาก แต่ไม่ไม่มีฝนตกตนอุทานขึ้นมาว่าเสียงอะไร แล้วกำลังจะเดินไปดูที่หลังบ้านมีนายไชยโรจน์ อายุ 59 ปี คุณพ่อ เดินตามหลังตนมา ซึ่งเดินเพียงแค่ไม่กี่ก้าวบ้านทั้งหลังก็พังถล่มลงมา จังหวะนั้นตนหันกลับไปคว้าตัวป๊ามากอดไว้เพื่อจะให้หลบแผ่นพื้นปูนชั้นสองที่ถล่มลงมาจะทับป๊าแต่ก็ไม่ทัน ตนล้มลงกระแทกพื้นตัวของตนอยู่ด้านล่างแต่กอดป๊าไว้ด้านบนตัวพยายามจะเรียกแต่ป๊าไม่ขานตอบ ไม่กี่นาทีต่อมาป๊ามีอาการกระตุกและนิ่งเงียบไป นาทีนั้นนึกรู้ว่าป๊าไม่อยู่กับตนแล้วจึงบอกป๊าว่าไม่ต้องกลัวหนูยังอยู่เป็นเพื่อน หากหนูทนไม่ไหวจะตามไปอยู่ด้วยโดยที่ยังกอดร่างของป๊าไว้ตลอดเวลา
จากนั้นตนได้พยายามจะเรียกแม่และน้องๆอีก 2 คนเพราะรู้ตำแหน่งว่าอยู่ใกล้เคียงกันเพียงแต่มองไม่เห็นตัวด้วยบ้านที่พังลงมาปิดบังไว้ทั้งหมด ช่วงที่เกิดเหตุใหม่ๆ ได้ร้องบอกแม่กับน้องให้หาโทรศัพท์แล้วโทรขอความช่วยเหลือไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเสียงเครื่องจักรได้ยินเสียงพูดว่าเจอแม่แล้ว ตนรู้สึกดีใจที่ทุกคนปลอดภัยตอนนั้นยังพยายามควบคุมสติขยับตัวให้น้อยที่สุดเพื่อจะได้มีอากาศไว้หายใจได้นานที่สุด กระทั่งทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือตนได้สำเร็จเป็นคนสุดท้าย
ทั้งนี้ตนยังมีกำลังใจดี หลังจากนี้คงต้องเดินทางหน้าก่อสร้างบ้านใหม่ แม้ครอบครัวจะสูญเสียไปมากและสูญเสียป๊าซึ่งเป็นเสาหลักไป แต่จะสู้ใหม่สร้างใหม่ตามคำสอนของป๊าที่บอกว่า “เงินอยู่ในอากาศให้คว้าเอาไว้ให้ได้” ตนไม่อยากพูดถึงเรื่องบ้านแล้วทั้งเรื่องโครงสร้างที่มีปัญหาซึ่งครอบครัวรู้มาตลอดเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว แต่ตนมองว่ามันเป็นเรื่องเก่าผ่านไปแล้วถึงจะรื้อฟื้นไปป๊าตนก็ไม่ฟื้นคืนกลับมาได้อีก ต่อไปนี้จะสู้เพื่อแม่และน้องซึ่งเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่
ตอนเกิดเหตุที่ยังอยู่ใต้ซากบ้านนั้นยอมรับว่าคิดเหมือนกันว่าจะไม่รอดแต่ใจหวังให้น้องๆ รอดได้หมด และคิดว่าหากตนตายจริงๆ น้องๆ ก็คงจะสบายเเพราะเมื่อไม่นานที่ผ่านมาตนเพิ่งจะทำประกันชีวิตไว้ หากเสียชีวิตจะได้รับค่าทดแทน 1 ล้าน 7 แสนบาท ซึ่งสามารถช่วยเหลือครอบครัวให้อยู่ต่อได้ใช้หนี้ได้หมด ซึ่งบ้านหลังนี้ยังไม่หมดภาระหนี้ต้องผ่อนต่ออีกกว่า 5 แสนบาท และเมื่อวานก่อนเกิดเหตุเพิ่งจะโอนเงินค่างวดบ้านไปเมื่อเวลา 16.00 น.
อย่างไรก็ตามตนและครอบครัวอยากขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ท่ามกลางความโชคร้ายก็ยังถือว่ามีความโชคดีอยู่บ้างที่สังคมไม่ทิ้งกัน
ขอขอบคุณข่าวจาก