news

 

ด.ญ.13 ปี ที่สุพรรณบุรี โพสต์เฟซบุ๊ก บอกเพื่อนให้หาคนมาช่วยหลังถูกจับล่ามโซ่ไว้ในบ้าน ตายายบอกต้องการดัดนิสัยหลานชอบหนีเที่ยวและกลับบ้านดึก ชอบนอนค้างที่อื่นทำให้อับอายเพราะชาวบ้านเอาไปนินทาให้เสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (9 พ.ค.) ที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 พ.ย. ร.อ.ชูชาติ กลิ่นพุฒิตาล กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.สุพรรณบุรี มณฑลทหารบกที่ 17 ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเด็กหญิงโพสต์เฟสบุ๊กเข้ามาขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกตา-ยาย ล่ามโซ่ไว้ในบ้านหลังหนึ่งที่บ้านหัวโพธิ์ หมู่ 6 ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียวภายในบ้านพบ ด.ญ.น้ำ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด และห่มผ้าห่มสีฟ้าอยู่นั่งอยู่ปลายเตียงที่คอมีโซ่ยาวประมาณ 2 เมตร ถูกล่ามใส่กุญแจติดไว้กับเตียง

เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารจึงเข้าไปช่วยเหลือพบ นายแดง อายุ 54 ปี และ นางเงิน อายุ 53 ปี (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นตายายแท้ๆ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ร้องไห้พร้อมกับดุหลานสาวว่าทำแบบนี้กับตายายได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเจรจาว่าทำแบบนี้ผิดกฎหมายจากนั้นได้ให้ตานำกุญแจมาไขเอาโซ่ออกจากคอ โดยเด็กหญิงได้ร้องไห้ตลอดเวลา

ด้าน นายแดง ผู้เป็นตา เล่าว่า หลานสาวเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ช่วงปิดเทอมกลับมาอยู่บ้าน พ่อกับแม่แยกทางกันส่วนแม่ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ปีหนึ่งจะกลับบ้านมา 2-3 ครั้ง

ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานช่วงเย็นหลานสาวได้ขออนุญาตไปเอาชุดนักเรียนที่บ้านเพื่อนโดยขี่รถจักรยานยนต์ออกไป และก็ไม่กลับบ้าน ญาติๆ จึงออกตามหาแต่ก็ไม่พบ กระทั่งเช้าหลานสาวจึงกลับมา เป็นแบบนี้ประจำ

โดยอ้างว่าไปนอนบ้านเพื่อนและบางครั้งกลับบ้านดึกดื่น จนเพื่อนบ้านเอาไปนินทาทำให้ตนเสียหายและอับอาย เตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง วันนี้จึงตัดสินใจซื้อโซ่มาล่ามไว้ เพื่อดัดนิสัย แต่ไม่นึกเลยว่าหลานสาวจะแจ้งตำรวจมาที่บ้าน

ทางด้าน พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.สองพี่น้อง กล่าวว่า จากการสอบถามตาของเด็ก เล่าว่าเด็กชอบหนีเที่ยวตากับยาย ต้องออกไปทำงานรับจ้างไม่ค่อยมีเวลาดูแล พอสอบถามก็เถียงตลอดไม่รู้จะทำอย่างไร และช่วงเช้าวันนี้จึงตัดสินใจให้ยายไปซื้อโซ่มาล่ามไว้เพื่อให้หลานหลาบจำ และก็จะเอาออกโซ่ออกไม่คิดว่าหลานจะแจ้งตำรวจ

อย่างไรก็ตาม ก็จะพูดคุยกับหลานสาวเพื่อปรับความเข้าใจ ส่วนทางด้านตำรวจจะประสานไปทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ามาดำเนินการต่อไป


ขอขอบคุณข่าวจาก