“นางหลอด” เฮี้ยนหนัก! เพื่อนร่วมวงเหล้าตายเพิ่มเป็นศพที่ 3 ภายใน 2 อาทิตย์
เฮี้ยนหนักแล้ว วิญญาณ “นางหลอด” เพื่อนร่วมวงเหล้าตายเพิ่มเป็นศพที่ 3 ในรอบ 2 อาทิตย์ ชาวบ้านผวาดึกๆ ไม่กล้าเดินผ่าน
สำหรับความเฮี้ยนของวิญญาณ นางหลอด อายุ 44 ปี หลังหายออกจากบ้าน สุดท้ายญาติไปพบว่าตายแล้วที่โรงพยาบาล ยังคงวนเวียนอยู่ใต้ต้นตะเคียนเก่าแก่ หลังวัดบ้านฉาง ซอยเทศบาล 44/1 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังจากที่ชาวบ้านเห็นวิญญาณนั่งใต้ต้นตะเคียน รวมทั้งเพื่อนร่วมวงกินเหล้าด้วยกันเคยได้ยินเสียงนางหลอดมาร้องเรียกชวนไปนั่งดื่มกิน
ล่าสุด วานนี้ (8 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปุ๋ย อายุประมาณ 45 ปี เพื่อนร่วมวงเหล้าของนางหลอดอีกคนก็เสียชีวิต หลังจากที่มีคนไปพบว่านอนตกเตียงที่ศาลา 3 ณ วัดบ้านฉาง ด้วยอาการน้ำลายฟูมปาก จึงแจ้งให้มูลนิธินำไปส่งโรงพยาบาลจนสิ้นใจ ซึ่งคล้ายกับอาการนางหลอด
ผู้สื่อข่าวสอบถามได้ความว่านายปุ๋ย เป็นคนจากต่างจังหวัดแล้วเร่ร่อนมาอยู่กับคนเก็บของเก่าขาย ที่อยู่ไม่ไกลจากวัด แล้วมักจะไม่ร่วมวงกินเหล้ากับนางหลอดที่ใต้ต้นตะเคียน และมักจะไปหลบนอนที่ศาลา 5 บ่อยครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมามีคนมาพบว่า นายปุ๋ยนอนสลบอยู่ ด้วยอาการน้ำลายฟูมปาก และไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล
ต่อมาได้มีคนที่รู้จักกับนายปุ๋ย ซึ่งกำลังเอาของเก่ามาคัดแยก เพื่อไปขายร้านค้าของเก่า ได้แปลกใจว่านายปุ๋ยหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ จนไปพบว่านายปุ๋ยสิ้นใจอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านฉาง จึงได้สงเคราะห์ให้มูลนิธิจัดการสวดให้หนึ่งคืนก่อนที่จะเผา
ด้าน นายพีระศักดิ์ อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนเป็นคนพื้นเพ จะเห็นต้นตะเคียนต้นนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ซึ่งก็มีการเซ่นไหว้บนบาลศาลกล่าวกันมาตลอด ส่วนใหญ่แล้วจะของาน จึงมีการนำชุดไทยมาแก้บนรอบต้น ต่อมาก็มีการจับจองเป็นที่นั่งกินเหล้าเมายา
จนกระทั่งเกิดเรื่องผีนางหลอดตาย หลังจากนั้นก็ได้มีเหตุทำให้เพื่อนๆ ของนางหลอด ทยอยตายตามกันภายใน 2 อาทิตย์ ซึ่งแต่ละคนก็มีสาเหตุแตกต่างกันไป เช่น โรคประจำตัว เมาเหล้าแล้วหัวฟาดพื้น
ส่วนตนเชื่อว่าน่าจะมีการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าแม่ตะเคียนโบราณนี้ เพราะขณะที่กินเหล้ากันมีการร้องรำทำเพลง หรืออาจจะมีการล่วงเกินกันระหว่างชายหญิงเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร จนทำให้เกิดเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
ทุกวันนี้ชาวบ้านหวาดผวาเห็นวิญญาณคนตายนั่งอยู่ใต้ต้นตะเคียน มีเสียงหมาหอนอย่างเยือกเย็น จนถึงตอนนี้ได้ทราบว่าหลังตกเย็นหรือตะวันลับไปแล้วชาวบ้านก็ไม่กล้าผ่านซอยนี้อีกเลย
ขอขอบคุณข่าวจาก