พ่อแช่แข็งศพลูก เผยน้องยังมีชีวิต แค่อยู่ในช่วงจำศีล
จากกรณี การแช่แข็งศพ “น้องไอนส์” ด.ญ. 2 ขวบที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง แล้วพ่อแม่ส่งศพไปแช่ด้วยเทคโนโลยี “ไครออนิกส์” ที่สหรัฐ หวังให้เทคโนโลยีในอนาคตจะช่วยชุบชีวิตลูกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งทางผู้เป็นพ่อได้เปิดใจมาก่อนหน้านี้ว่า ไม่ได้เอาศพลูกสาวมาทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่อยากให้ลูกสาวเป็นไอดอลของการพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งอย่างจริงจัง ระบุช่วงแช่แข็งศพมีแพทย์นิติเวชมาตรวจถูกต้องตามกฎหมาย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าว”มติชนออนไลน์” ได้โทรศัพท์ไปสัมภาษณ์ ดร.สหธรณ์ เนาวรัตน์พงษ์ คุณพ่อของน้องไอนส์ โดยคุณพ่อของน้องไอนส์ เล่าว่า ทางมูลนิธิเพื่อชีวิต อัลคอร์ไลฟ์ เอ็กซ์เทนซีฟ ที่ให้บริการแช่แข็งศพนั้น ดำเนินงานในสองส่วนคือ มีทั้งงานวิจัย และการบริหารการเงิน
นั่นคือหลังจากที่ได้บริจาคเงินไปแล้ว ทางมูลนิธิจะนำเงินไปใช้ ส่วนหนึ่ง เพื่อการวิจัยอีกส่วนหนึ่งเข้ากองทุน ที่เอาไปบริหารจัดการให้เงินงอกเงยขึ้นมา เพื่อดูแลรักษาระบบทำความเย็นต่อไป โดยบริจาคเพียงครั้งเดียว ไม่เป็นภาระของคนในรุ่นถัดไป
ซึ่งโดยส่วนตัวของ ดร.สหธรณ์ แล้ว ดร.สหธรณ์ มองว่า ไม่อยากให้นำเรื่องตัวเงินมาเป็นประเด็น เนื่องจากสังคมไทยยังเป็นสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำกันค่อนข้างมาก จึงไม่อยากไปเน้นไปที่ประเด็นตัวเลข สรุปก็คือทางมูลนิธิเค้าบริหารให้ได้ตลอดไป ไม่ต้องเป็นภาระ กับ คนรุ่นต่อไป
ดร.สหธรณ์ ยังบอกกับมติชนออนไลน์อีกว่า อาจจะเดินทางไปเยี่ยมลูกสาวบ่อยๆ เพราะในส่วนลึกแล้ว ก็เหมือนกับยังมีลูกสาวอยู่ในต่างประเทศ แต่ไม่ใช่ถึงกับไปแกะเค้าออกมา แต่ไปเพื่อการระลึกถึงมากกว่า
“ผมรู้ว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่จริง เป็นเหมือนการจำศีล ในอนาคตเทคโนโลยีมันไปถึง ก็รอให้เค้ากลับมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราก็ต้องยอมรับว่าเราจากกันแล้ว” ดร.สหธรณ์ กล่าว
ส่วนในประเด็นคอมเม้นท์ทางสังคม เรื่องการเก็บศพ เหมือนเป็นการขังวิญญาณ วิญญาณไม่ได้รับการปลดปล่อยนั้น ดร.สหธรณ์ กล่าวว่า
“ผมรู้ว่าในสังคมเรามีความหลากหลายในความเห็น ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นสีสัน และผมก็พึงพอใจกับความคิดเห็นที่แตกต่างเหล่านั้น คือเราถูกสอนมาอย่างนี้ เราก็เชื่ออย่างนี้ แต่ผมไม่ถือว่าอันนี้เป็นข้อพิสูจน์ ซึ่งในเรื่องนี้ มันก็มีแง่คิดสมัยใหม่ออกมาเยอะมาก ถ้าคิดว่ามีวิญญาณเป็นดวงๆ คงจะเป็นรูปธรรมมากเกินไป ในความรู้สึกผมน่าเป็นนามธรรมมากกว่า ผมคิดว่า เราไม่มีทางไปขังดวงวิญญาณได้ เช่นเดียวกับที่ แม้มีเพลงอยู่ในแผ่นซีดี เราก็ไม่อาจขังบทเพลงได้”
ขอขอบคุณข่าวจาก