“เสี่ยราดหน้าพันล้าน” แฉหมดเปลือกศึกสายเลือด ซัดน้องชายก้มกราบแค่สร้างภาพ
จากกรณี “สมชาย ศรีสกุลภิญโญ” อดีตเสี่ยพันล้าน ก่อนชีวิตจะพลิกผัน มาสู่การเป็นพ่อค้าราดหน้า ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม กรุงเทพมหานคร เนื่องจากเกิดความไม่ลงตัวในธุรกิจ มีเหตุให้ไม่สามารถทำงานในบริษัทได้ จนนำไปสู่การฟ้องร้องถึง 13 คดี ต่อมาน้องชายคุณสมชายได้มีการยกพวกบุกทำร้ายร่างกายถึงในบ้านหรู ต่างคนต่างอ้างกรรมสิทธิ์ในบ้านที่เกิดเหตุ และมีการโต้เถียงกันที่ สน. จนน้องชายได้ก้มกราบเท้านายสมชาย ขอให้ยุติเรื่องที่เกิดขึ้น เกรงว่าครอบครัวจะเสียชื่อเสียง
เสี่ยราดหน้าพันล้าน เล่าทั้งน้ำตา ชนะคดีถูกน้องๆ ฮุบบริษัท แต่ไม่ได้ซักบาท
พี่น้อง “เสี่ยราดหน้าพันล้าน” ขอพูดบ้าง ดราม่าคดีฮุบบริษัท เหมือนหนังคนละม้วน
รายการ “เรื่องลับมาก (NO CENSOR)” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20 – 15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (18 ส.ค.) “ดร. เสรี วงษ์มณฑา” เปิดใจสัมภาษณ์ “คุณสมชาย ศรีสกุลภิญโญ” หรือฉายา “เสี่ยราดหน้าพันล้าน” กรณีศึกสายเลือดที่ปะทุ และภาพน้องชายก้มกราบ ที่กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล
เรื่องธุรกิจเครื่องครัวที่เป็นปัญหา เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่หรือสมัยคุณสมชาย?
“ผมทำของผมเองครับ”
ในเมื่อเริ่มต้นด้วยตนเอง ตอนนั้นถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์เลยมั้ย?
“คนเดียวเลยครับ พี่น้องเริ่มมาถือหุ้นหลังจากผ่านไปปี 23 ผมเปิดปี 20 พอปี 23 ผมก็ได้เปลี่ยนเป็นหจก. เพชรเกษมเครื่องเรือน แต่เนื่องจากสมัยนั้นต้องมีผู้ถือหุ้นมากกว่า 2 คน ผมก็เอาพ่อใส่มาคนนึง และเอาน้องที่ไม่เกี่ยวออกไปแล้วคนนึง และมีคุณธวัชชัยด้วยอีกคน เป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อย ไม่มีอำนาจ ตอนนั้นยังเด็กอยู่ แต่เอามาเพื่อให้ครบองค์ประกอบของกฎหมาย ต้องมี 3 คนขึ้นไป ตอนผมเปิดบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ตอนนั้นพี่น้องที่เป็นฝ่ายผู้หญิง คนโตผมให้เป็นจัดซื้อ ส่วนคนรองจากผมให้เป็นเซลล์”
เข้ามาแล้วแบ่งหุ้นให้มั้ย?
“ไม่ได้แบ่งเลยครับ สองคนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวพันเลย เขาทำงานกินเงินเดือน มีสวัสดิการ”
จากหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ถืออยู่ แบ่งให้น้องคนไหนกี่เปอร์เซ็นต์?
“คือธุรกิจนี้ผมลงทุนกับพี่ชาย 2 คน ในนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร เราถือหุ้น 2 คน 85 เปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากกฎหมายในสมัยนั้น ผู้ถือหุ้นต้องมีมากกว่า 7 คน อีก 15 เปอร์เซ็นต์ก็ให้น้องๆ อีกคนสองคน รวมทั้งหมดได้ 7 คนเพื่อให้ครบองค์ประกอบการจดทะเบียน”
เขาถือหุ้นน้อยขนาดนั้น เขาทำงานได้เงินเดือนมั้ย?
“ได้ครับ ได้เปอร์เซ็นต์ด้วย เป็นคอมมิชชั่นจากการเป็นเซลล์ ส่วนพี่สาวคนโตผมเลี้ยงลูกเขา ส่งเสียเรียนจบม.เอแบค 3 คน ม.กรุงเทพคนนึง มีโบนัสประจำปีให้ กินอยู่ทุกอย่างในบ้านฟรี”
เหมือนจะราบรื่นดี ส่งเสียลูกเรียน เงินเดือนก็ได้ทำไมถึงขัดแย้งจนเป็นข่าวใหญ่โตขนาดนี้?
“ปี พ.ศ. 2558 เดือนเม.ย. ก่อนหน้านั้นนิดหน่อย น้องเขาเข้ามาคุยว่าอยากเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เข้าแล้วผมจะได้หลายร้อยล้าน ทุกคนต้องเอา 5 เปอร์เซ็นต์มาใส่ตะกร้าไว้ เพื่อหลังจากเข้าตลาดแล้วเอามาเล่นหุ้นเอากำไรมาแบ่งกันระหว่างผู้ถือหุ้น ผมก็เห็นด้วย แต่สุดท้ายหลังเขาเอาหุ้น 5 เปอร์เซ็นต์ผมไป เขาหลอกให้ผมออกจากกรรมการด้วย ซึ่งผมเป็นกรรมการตั้งแต่ปี 34 จนปี 58 ผมเป็นกรรมการไม่ได้ด้วยความรู้ ผมก็ยอมออก เชื่อถือน้อง”
ถือหุ้น 85 เปอร์เซ็นต์ น่าจะมีสิทธิ์ยกมือในการทำหรือไม่ทำอะไร?
“ไม่ครับ 85 เปอร์เซ็นต์ ตอนหลังผมให้น้องถือหุ้นเลยคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ ผมกับพี่ชายก็ถือคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ มี 4 คนเท่านั้นที่ถือ 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 5 เปอร์เซ็นต์เขาไปใส่ไว้ที่คุณนันทนา ลูกสาว บอกว่าจะให้ลูกสาวผมบริหารก้อนนี้ด้วย แต่หลังจากเขาได้หุ้นไปแล้ว เขาไล่ลูกสาวผมออก”
เขาสองคนมี 40 คุณนันทนาบริหาร 20 นั้นเป็นพวกเดียวกัน?
“ใช่ครับ ก็กลายเป็นเสียงข้างมาก ตอนหลังเขาไล่ลูกสาวผมออก เพราะลูกเป็นฝ่ายตรวจสอบ เข้าไปทำงานตรวจสอบได้ 3 เดือนพบความไม่ชอบมาพากล มาบอกผม ผมก็ไปคุยกับฝั่งโน้น เขาปลดลูกสาวผมออกเลย 3 เดือนไม่บรรจุ”
เขาใช้อำนาจอะไรในการปลดลูกสาว?
“เขาบอกว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบุคคล ประเมินว่าผลงานลูกผมไม่ผ่าน เขาใช้อำนาจในการบริหารเสียงข้างมาก นี่คือต้นเหตุของความขัดแย้ง เราก็เริ่มรู้ตัวแล้ว ในปีเดียวกันนั้นเองเราประชุมเม.ย. เดือนธ.ค. ผมก็รู้แล้วว่าผมถูกหลอก ผมเลยไปแจ้งความที่กองปราบว่าโดนฉ้อโกง”
ในข่าวมีน้องชื่อนุชรี บอกว่าบริษัทนี้ไม่ใช่คุณสมชายสร้าง พ่อแม่สร้างมาตั้งแต่ต้น?
“ตอนผมเปิดเพชรเกษมเครื่องเรือนที่เป็นของผมเอง คุณนันทนาอายุ 9 ขวบ คุณพีรพัฒน์ อายุ 16 ผมเริ่มทำธุรกิจมาด้วยตัวของผมเอง คุณนุชรีแต่งงานออกไปอยู่ข้างนอก เขาพูดเอง แต่ผมมีหลักฐานทุกอย่างสามารถเอามาแสดงได้ รวมทั้งคำพิพากษาในศาลก็ได้พิพากษาผมชนะคดีนี้แล้ว”
จริงมั้ยพ่อแม่สร้าง?
“ไม่จริงครับ”
ทีนี้ได้พันล้าน คุณนุชรีเขาบอกว่าไม่ใช่ความสามารถคุณสมชายคนเดียว แต่น้องๆ ช่วยกันถึงกลายเป็นพันล้านขึ้นมาได้?
“ตอนที่ผมเปิดหจก.เพชรเกษมเครื่องเรือน ปี 2523 ผมไปงานอินเตอร์ซูม ไปเอาเฟอร์นิเจอร์หลุยส์อะไรเข้ามาแล้วให้คุณนุชรีที่มีปัญหาครอบครัว มีปัญหาธุรกิจแย่ ผมก็เอามาทำงานด้วยเป็นเซลล์ ในส่วนผ้าม่าน ผมทำเฟอร์นิเจอร์หลุยส์อันดับต้นๆ ของประเทศไทยนะครับ แล้วนุชรีก็เป็นเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์อยู่แล้ว เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ก็ราคาแพงนะครับ ผมก็ปันประโยชน์ให้ด้วย ไม่ได้ให้คอมฯ นะครับ กำไรผมให้สิ้นปีด้วย ทุกคนได้ประโยชน์จากผม ผมเต็มที่ ผมทำตัวเหมือนเป็นพ่อพวกเขา”
แล้วเขาไม่พอใจอะไร?
“กิเลสจริงๆ ครับท่าน”
ให้หุ้นกันไป ขายหรือให้?
“ให้ครับ น้องก็รับบนชั้นศาลว่าไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ลงทุน แต่ธุรกิจของพ่อ ซึ่งไม่จริง พ่อเสียไปปี 28 ปี 24 เป็นอัมพาต”
ดูเหมือนคุณสมชายน่าจะมีอำนาจมากกว่าใคร แต่น้องบอกคุณมีแค่ 25 เปอร์เซ็นต์จะเป็นใหญ่ได้ไง?
“ต้องไปดูประวัติที่ผมเริ่มทำมา ผมทำชุดครัวไฟเบอร์กลาสเป็นเจ้าแรกของเอเชีย ถ้าพูดจริงๆ แล้วเป็นเจ้าแรกของโลก เพราะผมเดินทางบ่อย เป็นชุดครัวไฟเบอร์กลาสกันน้ำรั่วซึมแล้วต่อมาผมทำเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ ทำให้ผมเติบโตเร็วมาก”
จากความสำเร็จที่สร้างมา คุณสมชายคิดว่าน่ามีสิทธิ์ตัดสินอะไรได้?
“ถึงตอนที่น้องจะเข้ามาทำงาน ผมก็ร่ำรวยแล้ว ผมส่งน้องไปเรียนอเมริกา 2 คนด้วยเงินของผม”
ข้อกล่าวหาที่ชัดเจนที่สุด เขาบอกว่าคุณสมชายสร้างเรื่องสร้างปัญหาเพราะอยากได้ 5 เปอร์เซ็นต์คืน?
“จริงๆ ถ้าผมอยากได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ลองไปคิดใหม่ สิ่งที่ผมให้ไปปีแรก ผมเอาคืนตรงนั้นก็ได้ ผมให้ไปแล้ว ผมไม่ได้พูดถึง แต่ตรงนี้หลอกเอาจากผมไป ในคำพิพากษามีหมดในเรื่องนี้ ศาลแขวงพระนครเหนือได้สั่งจำคุกพวกเขา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จะตัดสินวันที่ 20 ต.ค.นี้ครับ”
แปลว่า 5 เปอร์เซ็นต์ที่เอาไปรวมใส่ตะกร้าไว้ มองว่าเป็นการหลอก?
“เขาหลอก และทันทีทันใดที่ผมฟ้องปุ๊บ 5 เปอร์เซ็นต์ของคุณนันทนา ที่บอกเป็นของพี่น้องสามคน คุณธนาเอาไปขายน้องเมียคุณพีรพัฒน์ โดยนายพีรพัฒน์โอนเงินมาให้นันทนา 8 ล้าน เพื่อสร้างหลักฐานเท็จอีก อันนี้เราก็จับได้ คดีอยู่บนศาลทั้งหมด ผมชนะคดีครับ”
นันทนาบอกว่าไม่ควรเข้ามาทำงานแล้ว เกิน 60 แล้ว เป็นหลักการบริษัท เกิน 60 ต้องเกษียณจะมายุ่งทำไม?
“ลองฟังคลิปนี้ดีๆ นะครับ เขาพูดถึงสากลว่าผม 60 ควรจะออก ในประเทศไทยมีเถ้าแก่ที่อายุ 80-90 ไม่ได้ออก แล้วยังพูดอีกว่าบริษัทนี้เป็นของกงสี ตกลงคุณจะกงสีหรือคุณจะสากล ผมถามใหม่นะครับ ลูกหลานเขาเข้ามาทำงาน ลูกคุณพีรพัฒน์ก็ทำงาน ลูกคุณนุชรีก็ทำงานอยู่ 2 คน แล้วทำไมไล่ลูกผมออก เชิญผมออก แล้วบอกว่าผมถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ผมไม่เคยได้ปันผล วันที่ศาลแรงงานตัดสินมา ผมบอกว่าเงินกำไรสะสม 129 ล้านบาท ทำไมไม่แบ่ง มีถัดมาแบ่งให้ผม 8 หมื่นบาท ในช่วง 5 ปี เงินเดือนผมประมาณ 4 แสนนะครับ ผมกับภรรยา แต่ 5 ปีที่ผ่านมาผมได้เงินกี่สิบล้านครับ แต่ให้ผม 8 หมื่น บ้านผมใหญ่ผมสร้างมา ผมมีฐานะตั้งแต่อายุ 30 กว่า ผมมีรายจ่ายเต็ม เป็นโรคทานยา 36 เม็ด แค่ค่ายาเดือนนึงตั้งหลายหมื่น”
มีตัวลายลักษณ์อักษรบริษัทเขียนไว้มั้ยว่า 60 ต้องเกษียณ?
“เริ่มแรกเลยกฎบริษัทจะเกษียณตอนอายุ 50 แต่ผมฟ้องคดีแล้วผมชนะ คือตั้งแต่ 50 ไม่เคยมีใครออกจากบริษัทเรานะครับ 60 เขามาเปลี่ยนกฎ”
ทำไมเขาอยากให้ออกในเมื่อไม่มีกฎชัดเจน?
“อยากใหญ่ไงครับ อยากเป็นเจ้าของคนเดียว อยากมีอำนาจคนเดียว เรื่องเหล่านี้จบอยู่ที่เอกสารทุกอย่าง คดีแรงงานที่ไล่ลูกผมออก ศาลตัดสินให้ชนะ”
ขอถามตรงๆ คุณสมชายคิดว่าที่น้องๆ เกิดอาการรังเกียจไม่อยากให้อยู่บริษัทคืออะไร?
“มีอยู่ 2 สาเหตุ สาเหตุแรกคือผมชอบว่าน้องจอมโปรเจกต์ เพราะโปรเจกต์เยอะมาก มีเป็นสิบบริษัท เปิดๆ ปิดๆ ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกอัน รวมทั้งการบริหารเขานั่งอยู่บนหอคอย ไม่เคยลงมาดูแล เกิดการฉ้อโกงในบริษัทมหาศาล เงินทองรั่วไหล”
เป็นคนเข้มงวด ด่าทอต่อว่าบ่น?
“ผมไม่เคยด่าน้อง ผมก็บอกว่ามีจุดรั่วตรงไหนผมบอก สองทุกบริษัทที่เขาทำ ผมทำตัวเหมือนผู้รับเหมาก่อสร้าง ผมต้องสร้างโรงงานทุกที่ ผมเหนื่อย คุณสร้างแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็อย่าทำบริษัทเยอะ คุณดูแลให้ดี ผลประกอบการบริษัทแม่เราก็ดีอยู่แล้ว แต่เขาไม่ฟังเขาต้องการชื่อเสียง”
ล่าสุดมีคลิปออกมา?
“คืนวันที่ 13 น้องส่งคลิปมาให้ผม บอกว่าน้องชายคนเล็กจะเข้าไปบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ผม เป็นที่ดินของผม เพื่อขนของเขากลับ เขาไลน์มาบอกว่าถ้าคุณขวาง น้องชายจะฟ้องผมให้ถึงที่สุด”
ตกลงบ้านใคร?
“เป็นบ้านผม ผมสร้างบ้านเพื่อให้พี่น้องมาอยู่ร่วมกัน ตอนเขาจบมาใหม่ๆ เขาทำงานอยู่แบงก์กรุงเทพก็ไม่ชัดเจนว่าจะทำงานกับบริษัทผมหรือเปล่า ผมก็ให้เขาอยู่ กรรมสิทธิ์เขาอยู่ที่บ้านธวัชชัย แปลงเดียวชื่อสองคน เสร็จแล้วเขาย้ายออกไป 10 กว่าปี แม่ผมเป็นอัลไซเมอร์ ทั้งคุณนันทนา และคุณพีรพัฒน์ ย้ายออกจากบ้านนี้ คุณนันทนาย้ายออกเกือบ 20 ปีแล้ว”
เขามาเอาอะไร?
“เขาจะมาเอาของที่เขามี เป็นพระเป็นอะไร ผมก็ไม่เคยไปสำรวจว่ามีอะไรบ้าง แต่ห้องเขาผมปิดผนึกเรียบร้อย บ้านนี้ผมกับลูกสาวใช้งานอยู่”
เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง เห็นว่ามีคนมาด้วย?
“ตอนเช้าสักพักผมเห็นรถตู้ใหญ่บริษัทมา 2 คัน และมีชายฉกรรจ์ 6 คน มีพนักงานบริษัทอีกที่มาขนของ ผมก็ตกใจ แล้วมีนายธวัชชัย นายพีรพัฒน์ มีตร.ตามมาอีก 3 คน เป็นคนที่เขาเอามา ชายฉกรรจ์ผมไม่รู้จัก”
ทำไมเขาเพิ่งกลับมา?
“เขากลับมาเอาของแค่นั้น แต่ผมไม่ให้เพราะผมมีของอยู่ในโรงงาน ผมขอแลกเปลี่ยน แต่เขาไม่ให้ การทำร้ายผมก็ไม่คิด แต่เนื่องจากผมอยู่บ้านคนเดียว ภรรยาพาลูกสาวไปหาหมอ ผมตกใจ ไม่รู้ทำไง ผมตัวเปล่า ผมให้เข้าหน้าบ้าน ตร.พาไปเดินเข้าบ้านน้องชาย แล้วกรูเข้ามา ผมก็ถือไม้นี่แหละว่าใครเข้ามาผมจะตี เขาก็เดินเรียงหน้ามาแบบปราบม็อบ ผมมีแค่ผู้หญิงแม่บ้าน และลูกชายผม ผมภูมิใจนะที่ลูกชายผมไปช่วยกันเขา ผมก็ตัดสินใจตีไปที่มือน้องชายนายธวัชชัยทีนึงด้วยไม้ ส่วนนายพีรพัฒน์ผมแค่ขู่ๆ เขาต่อยผมเลยเข้าตาผม เส้นเลือดขาวแตก เยื่อบุตาฉีก ผมล้มตึงเลย เป็นคดี”
“แต่ในคลิปที่เขาก้มกราบ เขาแจ้งความผมแล้ววันนึง แล้วผมไปแจ้งความเขาอีกวัน ในคลิปก่อนก้มกราบมีการพูดว่าคุณอย่าทำร้ายผมเลย อย่าโกหก อย่าลงโซเชียล บริษัทลำบากตอนนี้ แล้วก้มกราบผม ไม่ได้ขอโทษผมนะครับ”
เขาบอกกราบขอร้องให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับบริษัท?
“เลิกโกหก เลิกว่าเขาออกโซเชียลแล้วเขาก็ก้มกราบ สร้างภาพครับ ในโซเชียลก็คิดว่าเขากราบขอโทษแล้วผมไม่ให้อภัย พูดใหม่นะครับ ชาตินี้ผมจะไม่ให้อภัย แต่ผมอโหสิกรรม”
ทำไมเขาถึงบอกว่าคุณสมชายทำร้ายบริษัท?
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย มีข่าวออกมา มีคนมาสัมภาษณ์ ผมพูดไปตามข้อเท็จจริง ฟ้องผมสิครับกฎหมายมี แล้วเอาหลักฐานไปพิสูจน์ ในวันคุณไปขนของ คณบอกจะฟ้องผมให้ถึงที่สุด แต่พอเช้ามาคุณเอากำลังเข้ามา ผมตัวคนเดียวอายุ 66 ปี จะตั้งหลักยังไง”
คิดว่าพี่น้องที่ทะเลาะกันเป็นคดีความ โอกาสกลับมาคืนดีกันเป็นไปได้มั้ย?
“เขาทำลายครอบครัวผมจนย่อยยับ ลูกชายคนเล็กหนีออกจากบ้านไปเลย ตั้งแต่ ม.ค. ทนความเครียดไม่ไหว ผมมีลูก 5 คน ลูกสาวตั้งใจมาทำงานที่นี่ ย้ายครอบครัวมาอยู่ ตอนนี้ย้ายกลับไปอยู่แคนาดาแล้ว ลูกอีกคนไปขายข้าวแกง”
คงไม่คืนดีกันแล้ว?
“ไม่มีทางครับ”
ขอขอบคุณข่าวจาก