10 กฎใหม่ในการดูแลผิว
ผิวของสาวๆ จะสวยได้โดยไม่ยากอีกต่อไป
1. มันไม่ใช่แค่ "ประเภท" ของผิวคุณเท่านั้นนะ ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่าในขณะที่การแบ่งแยกประเภทของผิว (ผิวมัน แห้ง และอื่นๆ) จะยังใช้ได้อยู่ แต่คุณไม่ควรผูกติดกิจวัตรการดูแลความงามทั้งหมดของคุณเพียงแค่กับเรื่องนี้ ประเภทของผิวคุณกำหนดว่าคุณควรใช้ผลิตภัณฑ์สูตรไหน ที่มีสารให้ความชุ่มชื้นมากกว่าหรือน้อยกว่า และควรใช้สารให้ความชุ่มชื่นชนิดไหนดี แต่คุณก็ควรต้องใส่ใจในปัญหาอื่นๆ ของคุณด้วย เช่น ริ้วรอย สิว หรือจุดด่างดำ ฉะนั้น กฎโดยทั่วไปก็คือ เลือกเคลนเซอร์และมอยสเจอไรเซอร์ตามประเภทผิวของคุณ และเลือกทรีตเมนต์พิเศษตามปัญหาอื่นที่คุณมี
2. ทำความสะอาดผิวตอนกลางคืนให้ดี อย่าบอกว่า โอ๊ย ใครๆ ก็รู้ ใช่ แต่ปัญหาก็คือการทำความสะอาดผิวที่ไม่ดีพอต่างหากล่ะ ที่พบกันอยู่เป็นประจำ การไม่ล้างเมกอัพออกตอนนอนทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่งผลให้เกิดการสะสมตัวของแบคทีเรีย ไม่เพียงแต่จะเกิดสิว แต่ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่นำไปสู่การเสื่อมสลายของคอลลาเจนด้วย ผิวสะอาดๆ ยังทำให้ผลิตภัณฑ์ อย่างเช่น เซรั่มและครีมทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขึ้นด้วย วิธีที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดเหรอ? นวดเคลนเซอร์บนผิวให้ทั่วสักครู่เพื่อให้มันละลายสิ่งสกปรกต่างๆ ได้อย่างหมดจด ก่อนจะล้างออก และถ้าไม่แน่ใจก็ตามด้วยโทนเนอร์อีกสักรอบ เพราะสิ่งตกค้างที่เหลืออยู่ก็อาจส่งผลเสียได้ต่อผิวพอๆ กับความสกปรกนั่นแหละ
3. ใช้เซรั่ม เนื่องจากเซรั่มส่วนใหญ่จะใช้น้ำเป็นส่วนผสมหลัก (Water-Based) สารออกฤทธิ์จึงแทรกซึมลงไปได้เร็วกว่าโลชั่นหรือครีม ช่วยเร่งการดูแลผิวให้เร็วขึ้น และทำไมถึงจะจัดการอยู่แต่กับปัญหาอย่างเดียว ซีรั่มยุคใหม่ทำได้ หลายอย่างมากขึ้น ทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย ดูแลสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และรูขุมขนในหนึ่งเดียว
4. ฉลาดกินอาหารเสริม ในเรื่องของความร่วงโรย การกินอาหารเสริมช่วยได้ เพราะระดับของสารอาหารจำนวนมาก จะลดลงไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเลือกกินอะไรดี ลองมองหาอะไรที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ (ที่ช่วยรับมือกับความเสียหายจากสภาพแวดล้อม) กรดไฮยาลูรอนิก (มีการศึกษาที่แสดงว่ากรดไฮยาลูรอนิกช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รักษาความยืดหยุ่นของผิว และยังมีความสามารถในการต้านแบคทีเรียและต้านอาการอักเสบ และยังทำงานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย) และสารอาหารที่ช่วยต้านอาการอักเสบ
5. อย่าลืมการปรนนิบัติผิวหน้า ไม่ใช่เพียงแค่การนวดหน้าหรือพอกหน้าเพื่อสร้างความผ่อนคลายหรือทำความสะอาดล้ำลึก แต่การปรนนิบัติผิวหน้าเหล่านี้สามารถส่งผลดีต่อผิวได้จริงๆ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การปรนนิบัติผิวหน้าทั้งหลายแหล่งสามารถส่งผลดีต่อผิวได้จริงๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามแนะนำให้ปรนนิบัติผิวหน้าด้วยทรีตเมนต์พิเศษทุก 4-6 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่สามารถจ่ายได้ขนาดนั้น ก็ลองใช้มาส์กหรือครีมนวดให้ตัวเองอยู่ที่บ้านก็ได้
6. ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะดีแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรแทนที่การนอนหลับที่เพียงพอได้ การอดนอนหรือนอนไม่พอเป็นประจำส่งผลให้เกิดความเครียด ที่ทำให้ระดับคอร์ติซอลในร่างกายสูงขึ้น และทำให้ผิวมีปัญหาขึ้นได้หลายอย่าง และคุณรู้หรือเปล่าว่า อุณหภูมิร่างกายเราจะสูงขึ้นเล็กน้อยตอนเรานอนหลับ? นี่ทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราใช้ตอนก่อนนอนซึมซาบเข้าไปในผิวได้ดีขึ้นด้วยนะ
7. เพิ่มผลิตภัณฑ์ทีละอย่าง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดความระคายเคือง เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าไปในกิจวัตรประจำวันของคุณทีละอย่าง และอย่าใช้อะไรมากจนเกินเลยไป เช่น ผสมผลิตภัณฑ์ที่ขัดลอกเซลล์ผิวอย่างเรตินอล ไกลโคลิกแอชิด หรือเบนซอยล์ เพอร์ออกไซด์ กับผลิตภัณฑ์ที่แพทย์สั่งให้ใช้อย่างเรตินเอหรือโรแอคคิวแทน เพราะมันอาจทำให้ผิวของคุณเกิดอาการแพ้ขึ้นมาได้
8. ลอกหน้ากันดีกว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ลอกหน้าแบบอ่อนโยนเป็นหนึ่งในวิธีการผลัดเซลล์ผิวที่ยอดเยี่ยม เพราะมันกระตุ้นการซ่อมแซมตัวเองของผิว และสามารถช่วยให้ผิวกระชับขึ้น นอกจากนี้ การกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วยังทำให้ผิวหน้าคุณผุดผ่องขึ้นทันที
9. อย่ายุ่งกับสิว เรารู้ว่ามันยั่วยวนใจที่จะบีบสิว แต่สิวที่ไม่ได้รับการแตะต้องมักจะหายไปในเวลาแค่สองสามวัน ขณะที่สิวซึ่งถูกคุณบีบอาจต้องใช้เวลาเป็นสิบวันกว่าที่จะหาย
10. เลือกใช้ของที่ได้รับการทดลอง และทดสอบแล้ว ใช่แล้ว เรามักอยากลองผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากห้องทดลอง และตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ที่มันบอกว่าสามารถทำได้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราควรยืดติดอยู่กับส่วนผสมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลก่อนอื่น อย่างเช่น แอนตี้ออกซิแดนต์ เรตินอล กรดซาลิไซลิกหรือกรดแล็กติก
|