อัลตร้าซาวนด์...จำเป็นแค่ไหน
วิทยาการด้านการแพทย์ได้ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ความคาดหวังจากการดูแลรักษาคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ก็เพิ่มสูง ขึ้น ตลอดเวลา ทุกวันนี้จึงมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และสามารถสื่อสารกับทารกในครรภ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ นั่นก็คือการทำ อัลตร้าซาวนด์
ไม่มีแม่ท้องไม่รู้จัก
หากพูดเช่นนี้คงไม่ผิดค่ะ เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนล้วนรู้จักและเคยผ่านการทำอัลตร้าซาวนด์มาแล้ว ทั้งนั้น เพราะเครื่องอัล ตร้าซาวนด์คือเครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง ที่คุณหมอสูติฯ ใช้ในการตรวจวินิจฉัยและติดตามภาวะของทารกในครรภ์ จนทำให้ว่าที่คุณ แม่สับสนว่า จริงๆ แล้วควรต้องทำการตรวจอัลตร้าซาวนด์เพื่อดูอะไรบ้างของทารกในครรภ์ และจะต้องตรวจสักกี่ครั้งจึงจะเหมาะสม
จำนวนครั้งที่ควรทำ
บ้างบอกว่า 1-2 ครั้ง หรือมีแม้กระทั่งว่าที่คุณแม่บางคนอัลตร้าซาวนด์เป็นจำทุกเดือนที่ไปพบคุณ หมอ ซึ่งจริงๆ แล้ว ตอนนี้ยัง ไม่มีข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข ว่าการตรวจครรภ์ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ระหว่างตั้งครรภ์ควรจะทำกันกี่ ครั้งแต่ ถ้ายึดตามคำแนะนำของวิทยาลัยสูตินรีแพทย์อเมริกัน ก็แนะนำให้ทำเพียงครั้งเดียวตอนอายุครรภ์ประมาณ 16-20 สัปดาห์
ตามความเห็นของหมอในฐานะสูตินรีแพทย์ก็เห็นด้วยว่า ว่าที่คุณแม่ควรได้รับการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์อย่างน้อย 1 ครั้ง ในช่วงอายุครรภ์ดังกล่าว เพื่อวินิจฉัยตำแหน่งของการตั้งครรภ์ ขนาดของทารกในครรภ์ ความผิดปกติของรูปร่าง การทำงานของอวัยวะ ต่างๆ การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ รวมถึงความผิดปกติโดยกำเนิดที่เกิดกับอวัยวะต่างๆ ที่สะท้อนถึงสุขภาพของทารกครับ
สำหรับว่าที่คุณแม่ที่เป็นกลุ่มคนไข้พิเศษ เช่น ผู้ที่มีบุตรยากและตั้งครรภ์ด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ หรือเป็นกลุ่มที่เป็นครรภ์เสี่ยงสูง เช่น ตั้งครรภ์แฝด มี ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ ควรที่จะได้รับการตรวจเพิ่มเติมตามอายุครรภ์ต่อไปนี้
+ อายุครรภ์ 7-9 สัปดาห์
การตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ทางช่องคลอด จะช่วยให้รู้ว่าการตั้งครรภ์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ มีตัวเด็กหรือไม่ เป็น การตั้งครรภ์เดี่ยวหรือแฝด มีเลือดออกอยู่ใต้รกหรือไม่ ไข่ตกจากรังไข่ข้างใด รังไข่มีซีสต์หรือไม่ ตัวมดลูกมีเนื้องอกร่วมกับการตั้งครรภ์ หรือเปล่า
นอกจากนี้ยังสามารถทำนายอายุครรภ์ได้แม่นยำ โดยมีความผิดพลาดประมาณ 3 วันเท่านั้นซึ่งการตรวจในช่วงเวลาดังกล่าวจะ เป็นประโยชน์ในอนาคต เพราะเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการตรวจในครั้งต่อๆ ไปอีกด้วย
+ อายุครรภ์ 11-13 สัปดาห์
การตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ทางช่องคลอด จะวัดขนาดความยาวของทารกที่เรียกว่า Crown Rump Length วัดความหนา ของท้ายทอยทารก ตรวจหากระดูกจมูก ซึ่งช่วยในการทำนายโอกาสที่ทารกจะมีความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 ที่เรียกว่าดาวน์ซิ นโดรมได้กว่าร้อยละ 70 เมื่อ รวมกับการตรวจวัดระดับฮอร์โมนของแม่แล้ว จะสามารถคำนวณออกมาเป็นโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะเป็น ดาวน์ซินโดรมได้แม่นยำมาก ขึ้นถึงประมาณร้อยละ 78
นอกจากนี้ยังสามารถบอกตำแหน่งที่รกเกาะได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยในการเฝ้าติดตามตำแหน่งของรกในอนาคตต่อไป
+ อายุครรภ์ 18-24 สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะสามารถตรวจทารกในครรภ์ทั้งตัว ได้แก่ ส่วนศีรษะ แขน ขา ลำตัว และอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ กระบัง ลม ปอด ตับ ไต กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร เป็นต้น ในกรณีที่มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อย ก็สามารถที่จะปรึกษาสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การดูแลรักษาต่อไป และช่วงเวลานี้ยังเหมาะสำหรับการเจาะน้ำคร่ำ เพื่อนำไปตรวจ วิเคราะห์โครโมโซมของทารกในครรภ์
+ อายุครรภ์ 32-34 สัปดาห์
เป็นช่วงเวลาที่จะทำการตรวจทารกในครรภ์ เพื่อที่จะบอกถึงความสมบูรณ์ของทารก ความสมบูรณ์ของใบหน้า อวัยวะต่างๆ และ ขนาดของทารก ซึ่งสามารถบอกได้ว่า ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตตามเกณฑ์ โตเกินไป หรือเติบโตช้า เป็นต้น เพื่อทำนายน้ำหนัก แรกคลอด
นอกจากนั้น หลังจากช่วงเวลานี้ทารกในครรภ์มักจะไม่เปลี่ยนท่าอีกแล้ว เช่น หากอยู่เป็นท่าก้นหรือท่าศีรษะก็จะอยู่ในท่านั้นจน กระทั่งครบกำหนดคลอด ว่าที่คุณแม่ก็จะรู้ได้ว่า สามารถคลอดธรรมชาติได้หรือไม่ เพราะมีเพียงส่วนน้อยที่ทารกจะเปลี่ยนท่าไปจากเดิม
คุณแม่ผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่า การตรวจครรภ์ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ในช่วงเวลาต่างๆ มีหลักการเหตุผล และประโยชน์จากการ ตรวจแตกต่างกันไป และหากมีภาวะเสี่ยงอื่น เช่น มีเลือดออกในระยะ 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ สงสัยว่ามีความผิดปกติของหัวใจ หรือสงสัยว่าทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ เป็นต้น ก็จำเป็นที่จะต้องตรวจอัลตร้าซาวนด์เพิ่ม เพื่อประเมินสถานะภาพของทารกในครรภ์เพิ่ม เติมค่ะ
การอัลตร้าซาวนด์นอกจากจะมีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของแม่และลูกในครรภ์แล้ว ผลพลอยได้อีกอย่างก็คือว่าที่คุณแม่ และว่าที่คุณพ่อยังสามารถเก็บภาพแห่ง ความประทับใจ เพื่อนำไปบอกเล่ากับญาติพี่น้องหรือแม้กระทั่งกับเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเติบ โตมา ในอนาคตได้อีกด้วยนะคะ
|