ผิวเนียนนุ่มทั่วเรือนกาย...ง่ายนิดเดียว !
ผิวหน้าสวยเด้งแล้ว ดูแลเลยลงมาอีกหน่อยจนถึงปลายเท้า ให้ผิวเนียนนุ่มจนหนุ่ม ๆ เพ้อไปเลย !
คุณรู้หรือเปล่าว่าอะไรคืออวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายของคุณ ? ก็ผิวหนังที่ปกคลุมทั่วเรือนร่างของคุณนั่นไง มันมีพื้นที่ราว ๆ 22 ตารางฟุต และต้องการการดูแลไม่น้อยไปกว่าผิวหน้าของคุณ ยิ่งเมื่อคุณอายุมากขึ้น ผิวกายก็มักจะแห้งลงกว่าเดิม ถ้าดูแลแต่ผิวหน้าโดยไม่เหลียวแลผิวกาย คุณก็อาจลงเอยด้วยการมีผิวหน้าเด่นเด้ง แต่ผิวกายเหี่ยวเป็นแม่มด
โชคดีที่ความก้าวหน้าในเรื่องเครื่องสำอางทำให้คุณมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายดี ๆ มากมายหลายอย่าง ที่จะช่วยให้ผิวกายของคุณแข็งแรง และสวยเนียนได้ไม่แพ้ผิวหน้า เรามาเจาะลึกในสิ่งที่คุณควรมองหาจากผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกายให้คุณแล้ว
ทำความสะอาด
การทำความสะอาดผิวด้วยสบู่ก้อนเป็นวิธียอดนิยมที่สุดในการชำระล้างร่างกาย แต่สบู่ก้อนส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของ Sodium Lauryl Sulfate ที่ทำลายน้ำมันธรรมชาติในผิวจนผิวขาดความชุ่มชื้น ในช่วงหลังมานี้หลาย ๆ บริษัทได้สร้างสรรค์สบู่ที่ชุ่มชื่นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์มากขึ้น เพื่อให้ความชุ่มชื้นสู่ผิวในขณะอาบน้ำ รวมทั้งเคลนเซอร์ในรูปเจลหรือครีมอาบน้ำ ที่มักใช้ส่วนผสมที่เป็นสารหล่อลื่น (Emollients) และสารที่ดึงน้ำสู่ผิว (Humectant) อย่างเช่น กรดไฮยาลูรอนิก ที่ช่วยเก็บกักน้ำในผิว หรือสารอย่างเช่น เซราไมด์ ที่เป็นไขมันในผิวชนิดหนึ่ง สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและบรรเทาอาการแห้งของผิวได้ดี ฉะนั้น เลือกสบู่หรือเคลนเซอร์สำหรับผิวกายที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวด้วยเป็นขั้นแรก
ขัดผิวกาย
ก่อนที่ผิวหนังจะกำเนิดเซลล์ใหม่ขึ้นมาได้ เซลล์ผิวเก่าต้องถูกกำจัดไปเสียก่อน สครับขัดผิวกายจึงเป็นขั้นตอนจำเป็นสำหรับผิวเนียนนุ่มและสุขภาพดี และด้วยตัวเลือกของสครับที่หลากหลายขึ้น ผู้หญิงเราสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบที่ใช้สารขัดผิวแบบเคมี หรือแบมีเม็ดขัด อย่างเช่น เกลือทะเลหรือน้ำตาลทราย ผสมกับน้ำมัน จากพืชที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น คุณควรขัดผิวกายสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แต่ถ้าผิวแห้งอาจแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอ
เติมความชุ่มชื่น
ทุกคนต่างต้องการครีมหรือโลชั่นที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวกาย ซึ่งมอยส์เจอไรเซอร์หรือโลชั่นที่ใช้กับผิวหน้าสามารถใช้ได้กับคอหรือผิวบาง ๆ บริเวณหน้าอก แต่ในการดูแลผิวลำตัวหรือแขนขาที่หยาบกว่า คุณต้องการครีมหรือโลชั่นที่ออกแบบมาสำหรับผิวกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าหนาว เมื่อผิวที่แขนขาหรือลำตัวจะแห้งกว่าปกติ โลชั่นทาผิวเดี๋ยวนี้ยังมีประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย นอกจากจะมีสารให้ความชุ่มชื้น ยังอาจมีกรดอัลฟ่าไฮดร็อกซี่หรือส่วนผสมอื่นที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เพื่อให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และเช่นเดียวกับผิวหน้าที่ต้องการครีมกันแดดผิวกายก็ต้องการการปกป้องจากแสงแดดเช่นกัน ลองมองหาครีมทาผิวกายที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแดดสำหรับกลางวัน ที่ควรปกป้องได้ทั้งรังสียูวีเอและบีเช่นเดียวกับครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า
สู้เซลลูไลต์
เมื่อวัยเพิ่มขึ้น ผิวมีแนวโน้มที่จะสะสมเซลลูไลต์ขึ้นมาตามไปด้วย ราว 8 ใน 10 คนของผู้หญิงมักลงเอยด้วยการมีเซลลูไลด์ในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ส่วนใหญ่จะเป็นที่ต้นขา สะโพก และก้น เดี๋ยวนี้มีครีมจำนวนไม่น้อยที่ออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับเซลลูไลต์ แต่โดยทั่วไปมันจะลดสภาพผิวเปลือกส้มจากเซลลูไลต์ได้ชั่วคราวถ้าใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ มันทำงานโดยการทำให้ผิวชั้นบนบวมขึ้น จึงพรางรอยลูกคลื่นบนผิวได้ แต่ไม่มีการศึกษาใดที่ชี้ว่าครีมเหล่านี้ได้ผลในระยะยาว คุณอาจใช้การขัดผิวกายด้วยแปรงขัดผิวนุ่ม ๆ ขัดผิวในขณะที่ยังแห้งเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและทำให้ผิวที่มีเซลลูไลต์ดูดีขึ้นได้เช่นกัน หรืออาจใช้ร่วมกับครีมต้านเซลลูไลต์โดยใช้การนวดร่วมด้วยเสมอ
จัดการเซลลูไลต์จากภายใน
หยุดให้อาหารเซลลูไลต์ โรงงานผลิตเซลลูไลต์ในร่างกายคือเซลล์ไขมันมากมายที่เก็บกักแคลอรี ไขมันไม่ดี และสารพิษ ที่จะเปลี่ยนเป็นเซลลูไลต์ เมื่อเวลาผ่านไป การกำจัดหรือการหยุดบริโภคไขมันเลวและสารพิษ เช่น อาหารขยะ ไขมันอิ่มตัวอาหารสำเร็จรูป คุณจะสามารถหยุดการเติบโตของเซลลูไลต์ และไม่มีการสร้างเซลลูไลต์ใหม่ ๆ ขึ้นมา พร้อมกับการพยายามกำจัดของเก่าออกไป
กินอาหารต้านเซลลูไลต์ อย่างเช่น เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ปลา น้ำมันปลา และถั่วประเภทต่าง ๆ ผักหลากสี ผลไม้ อาหารไร้ไขมัน คุณจะเพิ่มการปกป้องตัวเองต่อเซลลูไลต์ เช่นเดียวกับที่จะช่วยกำจัดมันไปด้วย อาหารเหล่านี้ไม่เพียงแต่กำจัดเซลลูไลต์จากข้างใน แต่มันยังช่วยทำให้ผิวภายนอกโดยรวมดูดีขึ้นด้วย
เริ่มกิจกรรมต้านเซลลูไลต์ นั่นคือการออกกำลัง ยิ่งคุณออกกำลังมากเท่าไหร่ เซลลูไลต์ก็จะอยู่ยากมากขึ้นเท่านั้น เพราะเซลลูไลต์ชอบร่างกายที่ไม่เคลื่อนไหวมากกว่า ซึ่งจะมีการไหลเวียนโลหิตไม่ดี และมีมวลกล้ามเนื้อต่ำ การออกกำลังที่ทำให้การไหลเวียนดีและมีกล้ามเนื้อมากขึ้นจึงเป็นการบังคับให้เซลลูไลต์สลายตัวและหายไปในที่สุด ซึ่งการออกกำลังแบบแอโรบิกวันละ 20-30 นาทีก็เพียงพอแล้ว
|