แสนเสน่ห์เป็นคนหนึ่งที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวันเช้าจรดเย็น
กลับบ้านก็ยังต้องเซิร์ช อัพเดท ข้อมูลใหม่ๆ
หมู่นี้เริ่มสังเกตพบอาการผิดปกติของตัวเองว่ามีอาการปวดตา ตาล้า พร่า
บางครั้งหนักขนาดปวดหัวเลยก็มี
ได้ยินเค้าพูดกันถึงโรคใหม่ที่คนออฟฟิศเป็นกัน เรียกว่า
โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม นั่งอ่านไล่ๆดู ตกใจแทบสิ้นสติ
นี่มันอาการแสนเสน่ห์ชัดๆไหนๆก็หาข้อมูลเพื่อตัวเองแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์กับทุกคน
เลยเก็บเอามาฝากกันให้ลอง สำรวจตัวเองกันดูนะจ๊ะ
คนที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
เกินสองถึงสามชั่วโมง มักจะมีอาการปวดตา แสบตา ตามัว
และบ่อยครั้งที่จะมีอาการ ปวดหัวร่วมด้วย
อาการทางสายตาเหล่านี้เกิดจากการจ้องดูข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ติดต่อ
กันเป็นเวลานานเกินไป อาการเหล่านี้พบได้ถึงร้อยละ 75
ของบุคคลที่ใช้คอมพิวเตอร์
เนื่องจากว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ค่อยกระพริบตา
ปกติแล้วเราทุกคน จะต้องกระพริบตาอยู่เสมอ
เป็นการเกลี่ยน้ำตาให้คลุมผิวตาให้ทั่วๆ โดยมีอัตราการ กระพริบ 20
ครั้งต่อนาที หากเราอ่านหนังสือหรือนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบ
จะลดลง โดยเฉพาะการจ้องคอมพิวเตอร์การกระพริบตาจะลดลงกว่าร้อยละ 60 ทำให้
ผิวตาแห้ง ก่อให้เกิดอาการแสบตา ตาแห้ง รู้สึกฝืดๆ ในตา
สาเหตุการเกิดโรค
1. แสงจ้า และแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ตาเมื่อยล้า
ทั้งแสงจ้าและแสงสะท้อน มายังจอภาพ อาจเกิดจากแสงสว่างไม่พอเหมาะ
มีไฟส่องเข้าหน้าหรือหลังจอภาพโดยตรง
หรือแม้แต่แสงสว่างจากหน้าต่างปะทะหน้าจอภาพโดยตรง ก่อให้เกิดแสงจ้าและ
แสงสะท้อนเข้าตาผู้ใช้ ทำให้เมื่อยล้าตาง่าย
2. ระยะทำงานที่ห่างจากจอภาพให้เหมาะสม
ควรจัดจอภาพให้อยู่ในระยะพอเหมาะที่ตา มองสบายๆ ไม่ต้องเพ่ง
โดยเฉลี่ยระยะจากตาถึงจอภาพควรเป็น 0.45 ถึง 0.50 เมตร
ตาอยู่สูงกว่าจอภาพโดยเฉพาะผู้ที่ใช้แว่นสายตาที่มองทั้งระยะใกล้และไกล
จะต้องตั้ง จอภาพให้ต่ำกว่าระดับตา
เพื่อจะได้มองตรงกับเลนส์แว่นตาที่ใช้มองใกล้
3. รายงานการศึกษาวิจัยเมื่อปี2004 พบว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดอาการซีวีเอสคือ มุมของระดับสายตา (angleof gaze) กับจอคอมพิวเตอร์ อาการต่างๆ จะหายไปเมื่อมุม ดังกล่าวมากกว่า 14 องศา ส่วนปัจจัยอื่นๆ จากการวิจัยพบว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
เราจะมีวิธีป้องกัน หรือแก้ไขอาการเล่านี้หรือไม่?
สำหรับการแก้ไขขั้นต้น ควรเริ่มจากการปฏิบัติตัวเองเสียใหม่ เช่น
อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป ด้วยการอย่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ
ให้พักสายตาทุก 15 นาที ด้วยการมองออกไปไกลๆ จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า
พร้อมปรับแสงหน้าจอ คอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ อย่าขยี้ตา
หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ และควรบริหาร ดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด
ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางทั้ง 2
นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที
นอกจากนี้ การผลไม้ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ที่มีสารแอนโธไซยานิน
ซึ่งช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากอาการตึงเกร็งของกล้ามเนื้อตา และช่วย
และช่วยในการไหลเวียนของเลือดที่หล่อเลี้ยงดวงตา
ลดการเกิดเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติในจอตาได้ รู้อย่างนี้แล้ว
แสนเสน่ห์ต้องรีบบำรุงดวงตาคู่สวยคู่นี้ๆซะแล้ว
ขอตัวไปหาซื้อพวกเบอร์รีสกัดเข้มข้นก่อนนะจ๊ะ
|