มะเร็งเข้ากระดูก

 

มะเร็งเข้ากระดูก
นอกเหนือจากโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต มะเร็ง ถือได้ว่าเป็นอีกโรคหนึ่งที่มีจำนวนผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับโรคดังกล่าว
   
ขณะที่ความร้ายแรงของมะเร็งหลายชนิดปรากฏความเคลื่อนไหวให้ติดตามกันไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม ฯลฯ มะเร็งเข้ากระดูก เป็นอีกภาวะ ที่สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้ป่วย
   
การหลีกไกลรู้เข้าใจในโรคดังกล่าวก่อนมะเร็งจะลุกลาม สิ่งนี้มีความหมายความสำคัญ ผศ.นพ.ชัยยุทธ เจริญธรรม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ให้ความรู้ว่า อย่างแรกคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า มะเร็งเข้ากระดูกที่จะพูดถึงนี้คือ มะเร็งจากที่อื่นเข้าไปที่กระดูกไม่ใช่มะเร็งที่เริ่มจากที่กระดูกซึ่งเป็นคนละอย่างกัน ส่วนมะเร็งที่กระดูกก็มีพบแต่ก็ไม่บ่อย
   
กลไกของมะเร็งแพร่ กระจายไปได้ทุกส่วน แต่ในความน่ากลัวของโรคมะเร็งจะเริ่มจาก  ที่ใดที่หนึ่งและเมื่อขณะที่ก้อน มะเร็งโตขึ้นเซลล์มะเร็งมีโอกาส หลุดเข้าไปในกระแสเลือดไหลไปเกาะตัวอยู่ที่กระดูก แต่มะเร็งทุกชนิดก็ใช่ว่าจะไปที่กระดูก โรคมะเร็งที่พบกระจายไปยังกระดูกมากสุดก็จะมี มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก ฯลฯ ขณะที่มะเร็งบางชนิดอย่างมะเร็งระบบทางเดินอาหารมีโอกาสแพร่กระจายไปที่กระดูกได้เช่นกันแต่ก็ไม่บ่อยเมื่อเทียบกับอัตราส่วนของคนไข้ 
   
“ภาวะมะเร็งเข้ากระดูก มีหลายสาเหตุทั้งจากเซลล์มะเร็งในอวัยวะอื่นกระจายไปที่กระดูก โดยทั่วไปที่พบก็จะเป็นไปตามสัดส่วนของมะเร็ง อย่างมะเร็งเต้านมซึ่งพบบ่อยในเพศหญิงในบ้านเราเป็นมะเร็งอันดับต้น ๆ รองจากมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น นอกจากนี้ต่อมน้ำเหลืองก็เป็นอีกทางที่มะเร็งกระจายไปได้ แต่ก็มักแพร่กระจายไปในบริเวณใกล้ ๆ แต่กระแสเลือดจะไหลไปยังส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายและเมื่อกระดูกเป็นอวัยวะสำคัญ การขยับ การเดินต้องใช้กระดูก ดังนั้นหากมีมะเร็งลุกลามไม่เพียงทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เกิดความเจ็บปวด ยังรบกวนการดำเนินชีวิตอีกด้วย” 
   
ขณะที่ มะเร็ง โรคที่พบการเจ็บป่วยมีผู้สูญเสียชีวิตจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี การ  หลีกไกลจากภาวะมะเร็งเข้ากระดูกอันดับแรกคงต้อง กำจัดมะเร็งต้นเหตุก่อนลุกลามเข้าสู่กระดูก เพราะถ้ารักษามะเร็งได้ดีโอกาสที่มะเร็งจะกระจายไปยังที่อื่นก็จะน้อยลงหรือถ้าในกรณีของผู้ป่วยมะเร็งระยะแรกรักษาให้หายขาดได้ มะเร็งก็จะไม่แพร่กระจาย หรือถ้าแพร่กระจายตั้งแต่แรกแล้วรักษาให้ได้ผลดีก็จะทำให้ตัวต้นกำเนิดสงบลง
   
ถ้าสามารถควบคุมตัวต้นเหตุได้ภาวะดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น อย่างถ้ารักษามะเร็งเต้านมได้ดีก็จะไม่แพร่กระจาย การรักษามะเร็งที่เป็นต้นเหตุก็มีวิธีการต่าง ๆ อีกทั้งอาจมีการรักษาอะไรบางอย่างที่เป็นเหตุจำเพาะกับกระดูกที่มะเร็งแพร่กระจายไปโดยตรง วิธีการรักษาก็มีหลายวิธี
   
ยาสำหรับการรักษาปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้น ขณะที่อีกวิธีการหนึ่งคือการรักษาโดยการฉายรังสี  ฯลฯ อย่างในกรณีมะเร็งกระจายไปตามกระดูกเชิง กราน ต้นขามีอาการปวดมาก ขยับไม่ได้อาจจะต้องทำการผ่าตัดหรือฉายแสงบริเวณนั้นเพื่อควบคุมอาการหรือทำให้กระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้นทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับ  ไปใช้ชีวิตดังเดิมได้ เดินได้ ขยับได้ เป็นต้น
       
 “การรักษามะเร็ง ให้ได้ผลดีคงต้องได้รับ  ความร่วมมือร่วมกันระหว่างแพทย์และคนไข้ ซึ่งการทานยา การดูแลความแข็งแรงโดยรวมทั่วไปเพื่อให้ผลการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้นนั้นมีความสำคัญ หากย้อนกลับไปก็ต้องตัดตอนตั้งแต่ต้นเหตุการไม่เป็นมะเร็ง ซึ่งถ้าดูแลตนเองดีก็จะทำให้ห่างไกลปลอดภัยจากมะเร็ง
   
อีกทั้งการตรวจสุขภาพ  ก็มีความสำคัญเพราะถ้าเริ่มพบความผิดปกติแล้วรีบรับการรักษาโอกาสการเป็นมะเร็งระยะแรกก็จะน้อยลง อีกทั้งโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นแล้วถ้าได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอรักษาที่ถูกต้องโอกาสจะแพร่กระจายไปยังกระดูกก็จะลดลง”
   
ส่วนการสังเกต สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง แพทย์ท่านเดิมให้ความรู้ต่ออีกว่า โดยทั่วไปคนไข้ที่มารักษาส่วนใหญ่เป็นคนไข้มะเร็งอยู่แล้ว แต่หากมี ความผิดปกติอย่างเช่น มีอาการปวดกระดูกไม่ว่าจะเป็นปวดแขน ปวดขา ปวดหลัง ฯลฯ โดยไม่มีสาเหตุมาก่อนก็น่าจะเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องสงสัยภาวะนี้ 
   
“อาการปวดกระดูกอย่างผิดปกติโดยไม่มีสาเหตุ  สิ่งนี้ต้องรีบสงสัย โดยเฉพาะบางบริเวณอย่างกระดูกสันหลัง หากปวดหลังมากอาจเป็นสัญญาณอันตรายอย่างหนึ่งที่จะต้องรีบรับการตรวจให้แน่ใจ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้กระดูกถูกทำลายก็  จะมีอันตรายต่าง ๆ ตามมามากมายและอย่างที่กล่าวการรักษามะเร็งต้นตอได้ดี คนไข้จะมีชีวิตยืนยาวอีกทั้งถ้ามะเร็งกระจายไปที่กระดูกแต่ถ้ารักษาอย่างดีแล้วก็จะทำให้ผู้ป่วยยังคงใช้ชีวิตประจำวันได้อีกยาวนาน”
   
ดังนั้นหาก มีอาการปวดตามกระดูกผิดปกติต้องไม่รอช้ารีบพบแพทย์เพื่อจะได้ทำการรักษาตรวจค้นภาวะดังกล่าวนี้ซึ่งหากพบจะได้เร่งรักษาแต่แรกเริ่มเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นตามมา แต่ทั้งนี้การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้หลีกไกลจากมะเร็ง และการที่ไม่เป็นมะเร็งตั้งแต่แรกเป็นสิ่งที่ดี  ที่สุด แต่ถ้าเป็นและรับการรักษามะเร็งเร็วขึ้นก็จะไม่ก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ส่วนถ้ามะเร็งแพร่กระจายแล้วควรต้องมีความรู้ ความเข้าใจดูแลตนเอง
   
อย่างไรแล้วแพทย์ท่านเดิมกล่าวฝากด้วยความห่วงใยว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต รับประทานอาหารที่มีประโยชน์มีความหลากหลาย พักผ่อนเพียงพอและออกกำลังสม่ำเสมอ เหล่านี้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ที่ควรเคร่งครัดปฏิบัติ ไม่ควรมองข้ามละเลย เพราะนอกจากช่วยให้มีสุขภาพดีแล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยอีกด้วย.

สรรหามาบอก
   
- กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ขอเชิญประชาชนผู้รักสุขภาพ ร่วมงาน “มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 6” ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 7-8 ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2552 โดยภายในงานมีการนำสมุนไพรต่าง ๆ มาจัดแสดงให้ความรู้และบรรยายสรรพคุณของสมุนไพร รวมทั้งเปิดอบรมหลักสูตรระยะสั้น 2 ชั่วโมงทั้งหมด 21 หลักสูตร เช่น โยคะเพื่อสุขภาพ การทำโลชั่นรำข้าว พร้อมรับใบประกาศนียบัตรและตรวจธาตุเจ้าเรือน ฟรี!
   
- โรงพยาบาลศิครินทร์ ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ และ   ผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมฟังการบรรยาย ในหัวข้อ “เตรียมสมองลูกรักด้วยรหัสอัจฉริยะตั้งแต่ในครรภ์” โดย รศ.ดร.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช ใน วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2552 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 1 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมรับของที่ระลึก สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1728 ต่อแผนกลูกค้าสัมพันธ์
   
- ศูนย์การแพทย์เมดดิไซน์ ขอเชิญร่วมสัมมนา “อยู่อย่างไร...ให้ห่างไกลมะเร็ง” โดย นพ.อาชวิน สตางค์มงคล  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพโดยแพทย์ทางเลือกใน วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2552 เวลา 09.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมศูนย์การแพทย์เมดดิไซน์ ถนนงามวงศ์วาน ฟรีตลอดงาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.  0-2954-9440
   
- นิตยสารเชพ จัดกิจกรรม “เชพ รัน ไทยแลนด์ ’09 วิ่งเพื่อสุขภาพและการกุศล” เชิญชวนคุณผู้หญิงทุกวัยหันมาดูแลตนเองผ่านการออกกำลังกาย โดยสมัครเข้าร่วมวิ่งเพื่อสุขภาพ รายได้จากค่าสมัคร (250 บาท) มอบให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งเต้านม สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2552 ที่ โทร. 0-2422-9999 ต่อ 4129.

"ว่านหางจระเข้" ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร

ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณมากมายหลายด้าน เช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ใช้รับประทานเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ และนำมาสกัดเป็นเครื่องสำอางประทินความงามให้คุณผู้หญิง ทำให้ว่านหางจระเข้เป็นที่รู้จักและใช้ประโยชน์กันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
   
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของว่านหางจระเข้ เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ข้อและปล้องสั้น ใบเดี่ยว เรียงรอบต้น อวบน้ำมาก สีเขียวอ่อนหรือเขียวเข้ม คล้ายหางจระเข้ ภายในมีวุ้นใส ใต้ผิวสีเขียวมีน้ำยางสีเหลือง ดอกช่อออกจากซอกใบ ก้านดอกยาวมาก ดอกย่อยเป็นหลอดห้อยลง สีส้ม บานจากล่างขึ้นบน มีสารสำคัญ ได้แก่ 1. วุ้นและเมือกจากใบ ออกฤทธิ์ลดอาการอักเสบและช่วยสมานแผล โดยจะไปส่งเสริมการจับตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ที่บาดแผลทำให้แผลหายเร็วขึ้น 2. ยางสีเหลืองในส่วนของเปลือกใบ มีสารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายหลายชนิด ช่วยในการขับถ่าย
   
วิธีรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกและแผลถลอก ให้นำวุ้นจากใบโดยเลือกใบว่านที่อยู่ส่วนล่างของต้น (อายุประมาณ 1 ปี) ล้างน้ำให้สะอาด ปอกเปลือกสีเขียวออก ล้างน้ำยางสีเหลืองและขูดเอาวุ้นใสปิดพอกบริเวณแผลหรือฝานเป็นแผ่นบางปิดแผลพันด้วยผ้าพันแผลที่สะอาด ทา 2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกว่าแผล  จะหาย ข้อควรระวังล้างยางสีเหลืองจากส่วนเปลือกออกให้หมดก่อนนำมาใช้ และควรทดสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่ โดยทาวุ้นลงบริเวณแขนด้านใน หากไม่เกิดอาการคันหรือแดงก็ใช้ได้ ส่วน วิธีทำยาถ่าย ใช้ยางสีเหลืองจากเปลือกใบ ซึ่งเมื่อกรีดใบว่านหางจระเข้จะมียางสีเหลือง ๆ ไหลออกมา นำน้ำยางที่ได้ไปเคี่ยวเพื่อระเหยน้ำออกไป เมื่อทิ้งให้เย็นจะ เป็นก้อนสีน้ำตาลดำ เรียกว่า “ยาดำ” ใช้เป็นยาระบาย ขนาดรับประทานประมาณ 250 มิลลิกรัม
   
นอกจากนี้แล้ว เภสัชกร สมนึก    สุชัยธนาวนิช หัวหน้าศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ยังให้ความรู้ด้านสรรพคุณของว่านหางจระเข้และวิธีนำมารับประทานเป็นอาหารเสริมสุขภาพว่า การ  รับประทานวุ้นว่านหางจระเข้จะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย โดยเราสามารถทำรับประทานเองได้ที่บ้าน โดยเลือกต้นที่ปลูกแล้วประมาณ 3 ปี จะมีสารประกอบที่สำคัญสูง เมื่อตัดก้านที่ใหญ่ที่สุดมาแล้วใช้กระดาษรองเพื่อดูดซับยางสีเหลืองออกให้หมด โดยตั้งทิ้งไว้ประมาณ    1 คืน นำมาปอกเปลือกแล้วล้างสารปนเปื้อนด้วยแอลกอฮอล์ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋ารับประทานกับน้ำเชื่อม หรือจะนำไปปั่นทำเป็นน้ำว่านหางจระเข้รับประทานก็ได้ ที่สำคัญวุ้นจะเสียคุณค่าทางสารอาหารได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน ส่วน ด้านความงามจะนำว่านหางจระเข้มาสกัดเป็น  ส่วนผสมของสารบำรุงผิวพรรณ ปกป้อง  แสงยูวี ต้านมะเร็งผิวหนัง 
    
ทราบถึงคุณประโยชน์มากมายอย่างนี้แล้ว อย่าลืมนำว่านหางจระเข้ไปทดลองทำตามขั้นตอนและรับประทานดูนะคะ เชื่อว่าคุณผู้อ่านจะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อยเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งกว่า.

 





 




 

Bookmark and Share


:: ผู้หญิงมาใหม่























 
:: อ่านข่าว
:: รวมของฟรี
:: ซาบซ่าส์
:: ลิงค์แนะนำ

(ซาบซ่าส์ดอทคอม)
Website Allright Reserved
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2550
ทะเบียนพาณิชย์เลขที่ 0577314802616
x [close]
x [close]