ดูแลผิวอย่างถูกวิธี ใคร ก็อยากมีผิวสวยเนียนใสไร้ริ้วรอยด้วยกันทั้งนั้น แต่ใช่ว่าจะมีกันได้ง่ายๆ ผู้ที่มีผิวดีอยู่แล้วก็นับว่าเป็นโชค เพราะปัจจัยที่ทำให้ผิวแต่ละคนแตกต่างกันและไม่สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลง ได้ คือ พันธุกรรม ซึ่งเป็นตัวกำหนดลักษณะของผิวแม้ว่าจะใช้ครีมราคาแพง หรือยาดีแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนลักษณะพันธุกรรมที่มาจากพ่อแม่ได้ ความเครียดก็เป็นตัวอันตรายเช่นกัน เพราะทำให้ผิวแห้งหมองคล้ำ หรือเกิดสิวปะทุขึ้นได้ถ้าเป็นคนผิวมัน
เคล็ดลับการมีผิวสวย การมีผิวสวยอยู่ที่การดูแลรักษาด้วยการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จำไว้ว่าการมีผิวที่ดีนั้น ไม่ใช่การทาครีมอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันด้วย เช่น แสงแดดและการสูบบุหรี่ ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยเร็ว ดังนั้นจึงควรเริ่มเอาใจใส่ผิวตั้งแต่วันนี้ ด้วยการส่องกระจกแล้วสังเกตุว่า เกิดอะไรขึ้นกับผิวบ้าง การเปลี่ยนแปลงของผิวในแต่ละช่วงเป็นอย่างไร เช่น ช่วงหน้าร้อน จะเห็นว่าพื้นผิวด้านบนแห้งแต่ลึกลงไปในผิวด้านล่างจะมัน เนื่องจากการอยู่ในห้องปรับอากาศเป็นประจำนั่นเอง ส่วนหน้าหนาวหรือช่วงที่ต้องเดินทางบ่อยๆ โดยเครื่องบินมีโอกาศที่ผิวจะแห้งมาก ดังนั้นจึงไม่ควรยึดติดกับผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งเป็นประจำทุกวัน เพราะสภาพผิวสามารถแปรเปลี่ยนได้ตามสภาวะแวดล้อม ลองสังเกตว่าในแต่ละวันผิวต้องการอะไร เพื่อการบำรุงอย่างเต็มที่ ลองทบทวนขั้นตอนการดูแลผิวง่ายๆ อย่างถูกวิธีดังนี้
ทำความสะอาด ถ้ามีผิวแห้งหรือแพ้ง่ายควรล้างด้วยเคลนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อ ผิวอย่างโลชั่นหรือเจล ส่วนผิวมันจะเป็นสิวง่าย เลือกเคลนเซอร์ที่อ่อนโยนและผลิตขึ้นสำหรับผิวประเภทนี้โดยเฉพาะ จากนั้นเช็ด้ดวยโทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ แต่สามารถเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของเอเอชเอได้ ซึ่งจะช่วนในการผลัดเซลล์ผิวให้มีผิวเรียบเนียนสดใส เพื่อเตรียมการบำรุงต่อไป
ขัดผิว ควรขัดผิวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตามแล้วออกไป ด้วยการเลือกสครัปที่อ่อนโยน นุ่มละเอียดไม่มีความคม ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แต่คนผิวมันควรจะขัดผิวสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยเน้นบริเวณจมูกและคางเนื่องจากเป็นส่วนที่มีสิวอุดตันมาก
ให้ความชุ่มชื่นผิว คนผิวแห้งควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความเข้นข้นสูง ซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย สำหรับยามค่ำคืนเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีเนื้อเข้มข้น เพื่อให้ความชุ่มชื่นผิวอย่างเต็มที่ ยิ่งถ้ามีจุดที่แห้งมากลองใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของเอเอชเอทาให้ ทั่ว แล้วจึงทาครีมให้ความชุ่มชื่นอีกครั้ง จำไว้ว่าไม่จำเป็นต้องทาครีมทุกๆ จุดของใบหน้า เพราะบางครั้ง เราอาจมีผิวบางบริเวณ จมูก คาง หรือข้างแก้มที่ค่อนข้างมัน ก็อาจทาครีมบริเวณนั้นให้น้อยลง หรือเลือกใช้ครีมสำหรับผิวมันในบริเวณนั้นแทนจะดีกว่า คนผิวมันควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเจลหรือชนิดที่ปราศจากส่วนผสมของ น้ำมัน (oil-free) หรือชนิดที่ช่วยควบคุมความมัน (Mattifying Cream) โดยทาทิ้งไว้สักพักก่อนแต่งหน้า เพื่อให้ครีมซึมซาบสู่ผิว จะช่วยให้แต่งหน้าได้เนียนเรียบยิ่งขึ้น
ไม่ควรใช้มือแตะบนใบหน้าระหว่างวัน บางครั้งเราอาจใช้มือแตะต้องบางส่วนบนใบหน้าโดยไม่ตั้งใจ อาทิ การเท้าคาง การแกะเกา ซึ่งนอกจากจะทำให้เมกอัพลบเลือนแล้ว ยังไปเพิ่มน้ำมันและสิ่งสกปรกบนผิวหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้
ล้างเมกอัพอย่างหมดจด หลังจากทำงานมาทั้งวัน ควรทำความสะอาดใบหน้าทั้งหมดอีกครั้ง เริ่มด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรอบดวงตาก่อน เลือกที่ไม่มีความมันมากนัก ด้วยการหยดบนสำลีที่สะอาด เพื่อล้างคราบมาสคาร่า อายไลเนอร์และอายแชโดว์ให้สะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าใช้ชนิดกันน้ำควรทิ้งไว้สักครู่ จึงเช็ดออก เนื่องจากชนิดที่มีความมันมากๆ ทำให้ล้างยากขึ้นไปอีก เมื่อเช็ดรอบดวงตาเสร็จแล้ว ใช้เคลนซิ่งเจลหรือโลชั่นคลึงทั่วใบหน้า เพื่อล้างคราบเมกอัพที่หลงเหลืออยู่ สุดท้ายใช้ก้านสำลีคอดตอนบัตชุบครีมทำความสะอาด ค่อยๆเช็ดอย่างเบามืออีกครั้ง บริเวณขนตาเพื่อล้างคราบมาสคาร่าที่อาจหลงเหลืออยู่ให้สะอาดหมดจดอีกครั้ง
อย่าทำตัวเป็นหมอเสียเอง
เมื่อเริ่มมีปัญหาเกิดขึ้นกับผิว และไม่สามารถจัดการด้วยตัวเองอย่างง่ายๆได้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้
|