พรหมจรรย์ คำนี้สำคัญไฉน??
มีคำอยู่หลายคำในสังคม ไทยที่อยู่คู่กับผู้หญิงไทยมานานแสนนาน หนึ่งในหลายคำนั้น มีคำว่า พรหมจรรย์ รวมอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่ความหมายของคำว่าพรหมจรรย์ ไม่ควรมีความสำคัญเฉพาะเจาะจงลงไปให้อยู่คู่กับผู้หญิงเท่านั้น
เพราะ พรหมจรรย์ หมายถึงการศึกษาพระเวท การบวชและการเว้นเมถุน
ถ้าพิจารณาตามความ หมายนี้ พรหมจรรย์ก็น่าจะมีความหมายทั่วๆ ไป แต่เหตุไฉนคำว่าพรหมจรรย์จึงถูก หมายมั่นปั้นมือให้อยู่คู่กับผู้หญิงเท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะสังคมไทยจากโบราณกาลจนถึงปัจจุบันมีค่านิยม ที่ไม่นิยมให้ผู้หญิงมีความสัมพันธ์ทางเพศกับใครก่อนแต่งงาน สังคมไทยจึงพร่ำสอนกันตลอดมาให้ผู้หญิงไทยรักษาพรหมจรรย์ ก็คือ รักษาเนื้อรักษาตัวไม่มีเพศสัมพันธ์กับใครก่อนแต่งงานนั่นเอง
อย่า ว่าแต่สังคมไทยเลย สังคมฝรั่งมังค่าก็มีเนื้อหาในเรื่องนี้ไม่ต่างไปกว่าสังคมไทย มีเพียงระยะหลังนี่ เองที่สังคมตะวันตกเริ่มคำนึงถึงคำว่าพรหมจรรย์น้อยลง แต่ใช่ว่าจะหมดไปเลย ในชุมชนที่หัวอนุรักษ์ก็ยังมีหญิงสาวที่คำนึงถึง เรื่องราวของพรหมจรรย์อย่างแน่นเหนียว
คงไม่มีใครบอกได้ว่าสังคมไทยทำให้ผู้หญิงไทยต้องใส่ใจกับคำว่าพรหมจรรย์ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คงนานมากแล้ว นานจนฝังรากลึกลงไปในความรู้สึกนึกคิดของผู้คน มีคำบอกเล่ากันต่อๆ มาว่าพรหมจรรย์ถูกทำให้สำคัญสำหรับผู้หญิงเพราะ ผู้ชาย
ในโบราณกาล ผู้ชายจะเป็นใหญ่ เช่น เป็นหัวหน้าเผ่า หัวหน้ากลุ่ม และเห็นแก่ตัวกลัวผู้หญิงในเผ่าของตัวจะไปมั่วเรื่องเพศกับผู้ชายอื่น จึงสร้างข้อกำหนดเรื่องพรหมจรรย์ขึ้นมาในที่สุดก็พัฒนามาเป็นค่านิยม บางตำนานก็บอกว่าพรหมจรรย์ถูกกำหนดขึ้นมา เพราะถ้าปล่อยให้หญิงสาว ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายได้ตามใจก่อนแต่งงาน ก็คงมีเด็กเกิดมาเต็มบ้านเต็มเมือง โดยอาจไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ เพราะในสมัยโบราณยังไม่มีการคุมกำเนิด
ไม่ว่าจะเปิดดู เหตุผลจากตำนานไหน ก็ล้วนแต่ผลักภาระให้ผู้หญิงทั้งสิ้น ไม่มีตำนานไหนที่บอกให้ผู้ชายต้อง รักษาพรหมจรรย์ไปถึงวันแต่งงาน ผู้ชายจึงสำเริงสำราญกับการมีเพศสัมพันธ์ ได้เต็มที่ แต่มักไม่ค่อยมีใครขบคิดว่าผู้ชายจะมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนแต่ง งานกับใครได้ถ้าไม่ใช่มีกับผู้หญิง แต่ผู้หญิงกลับต้องเป็นฝ่ายรักษาพรหมจรรย์ ในขณะที่ผู้ชายไม่ต้องรักษา พรหมจรรย์จึงเป็นความสำคัญสำหรับผู้หญิงไทย ถึงแม้ในทุกวันนี้จะมีผู้คนให้ความสำคัญลดลงบ้างก็ตาม แต่ถ้าพูดถึง ความรู้สึกของสังคม กันจริงๆ แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ความรู้สึกนึกคิดของคนส่วนใหญ่ยังต้องการเห็นผู้หญิงไทยใส่ใจในเรื่องเหล่า นี้อยู่
สายตาที่ดูแคลนผู้หญิงที่มีอะไรกับผู้ชาย สักคนก่อนแต่งงาน ยังพบเห็นได้ทั่วไป รวมไปถึงผู้หญิงที่หย่าร้างจากสามี ก็ยังมีสายตาที่แปลกแปล่งฉายแสงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ไม่ค่อยสุนทรีย์ ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของพรหมจรรย์ ผู้ชายจำนวนไม่น้อยก็ยังคอยคิดคำนึงถึง ผู้หญิงที่เขาจะเข้าสู่พิธีวิวาห์ด้วยว่า ยังมีพรหมจรรย์หลงเหลืออยู่หรือไม่ ถ้าไม่หลอกความรู้สึกของตัวเองเกินไป ผู้ชายที่คิดจะมีคู่ยังดูเรื่องพรหมจรรย์กันอยู่ โดยลืมดูลืมคิดไปว่าเขาก็เคยผลาญพร่าพรหมจรรย์ของผู้หญิงบางคนมาแล้ว แต่พอจะมีคู่เขากับ ดูเรื่องนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย
บางรายอาจไม่รู้ก่อน แต่ง แต่พอแต่งไปแล้วมาทราบทีหลังว่าผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วย ไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ถึงกับแยกทางกันไปเลยก็มี ที่น่าสลดใจกว่านั้นก็คือ การคิดสั้นของหญิงสาวบางราย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสาวน้อย ที่ทุรนทุรายเมื่อพรหมจรรย์ถูกทลาย บางรายถึงขนาดปลิดชีวิตตัวเองพราะความอาย ก็เคยมีข่าวปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ
เรื่อง ร้ายๆ ของพรหมจรรย์มักจะเกิดขึ้นกับสาวน้อยที่ยังด้อยวัยวุฒิ สังคมควรฉุกคิด และให้สิทธิในความเป็นมนุษย์ อย่าให้เธอต้องหยุดชีวิตหรือหมดสิทธิที่จะก้าวหน้า เพียงเพราะคำว่าพรหมจรรย์เท่านั้น นี่คือสิ่งที่สังคมจะต้องช่วยกันหาคำตอบ ให้สาวน้อยร้อยชั่งทั้งหลายที่ด้อยวัยวุฒิ
แต่สำหรับ สาวที่มีวัยวุฒิ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม หลายคนกำลังร้องหา ความชอบธรรม ที่เธอจะไม่ถูกกระทำจากสังคมด้วยถ้อย คำคมๆ ว่า พรหมจรรย์
ขอให้เธอ สร้างสรรค์ ความสำคัญของชีวิต ด้วย ความคิด จิตวิญญาณ ของเธอ บ้าง
อย่าเอ่ยอ้างคำว่าพรหมจรรย์ มาบั่นทอนความเชื่อมั่นของเธอเลย
|